![](https://static.wixstatic.com/media/ddc240_fc6db9dfbdb54023b029e3d1611bda71~mv2.jpg/v1/fill/w_147,h_184,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/ddc240_fc6db9dfbdb54023b029e3d1611bda71~mv2.jpg)
ทำไม ? ใครต่อใคร แห่ลดเป้า GDP
#GDPชี้วัดเศรษฐกิจรักเป็นพิษชี้วัดสภาพหัวใจ #เศรษฐกิจปีนี้ #พี่ว่าพี่ไหวไหม
ความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจไทย ถูกบั่นทอนหลังจากเปิดศักราชใหม่ปี 2563 เพียงแค่ไม่กี่วัน สะท้อนจากภาคเอกชนและหน่วยงานพยากรณ์เศรษฐกิจหลายแห่ง เห็นพ้องทบทวนปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) ในปีนี้ต่ำกว่า 3% เนื่องจากกังวลกับปัจจัยเสี่ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายด้าน แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเคยออกมาแถลงการณ์ถึงเป้าหมาย GDP ปีนี้จะเติบโตได้ถึง 3-4% ก็ตาม
ความกังวลเริ่มต้นกันด้วยสถานการณ์เหตุตึงเครียดของมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯและอิหร่าน แม้ว่าทั้งสองประเทศจะออกมาแถลงการณ์ในมุมมองว่าไม่ต้องการให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ แต่เชื่อว่าความแค้นของอิหร่านที่มีต่อสหรัฐฯ น่าจะปะทุให้ประเทศแถบตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมากกว่าเดิม อาจกลายเป็นผลกระทบเป็นวงกว้างให้กับหลายประเทศทั่วโลก
ต่อเนื่องกับความเสี่ยงสงครามการค้าจีนและสหรัฐฯ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกระยะถัดไป แม้ล่าสุดจีนและสหรัฐฯจับมือลงนามข้อตกลงผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้าในกรอบแรก แต่ยังคงเหลืออีกหลายเงื่อนไขที่ยังไม่ถูกปลดล็อก อาทิ กำแพงภาษี,อุปสรรคการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของจีน เป็นต้น ทำให้นักวิชาการแสดงความคิดเห็นว่าโอกาสสูงที่สงครามการค้าจะยืดเยื้อต่อไป รวมไปถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจากกรณีเงินบาทแข็งค่ารวดเร็ว หลีกเลี่ยงไม่ได้กับผลกระทบต่อภาคส่งออกและบริการท่องเที่ยวของไทยที่มีสัดส่วนสูงเกือบ 70% ของมูลค่า GDP ประเทศไทย
ส่วนปัจจัยในประเทศหนีไม่พ้นประเด็นกังวลกำลังซื้อของผู้บริโภคหดตัวชัดเจน แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นภาคประชาชนเพิ่มกำลังจับจ่ายใช้สอยหลายๆด้าน แต่อาจยังขัดแย้งกับความรู้สึกคนไทยส่วนใหญ่ที่ยังรู้สึกว่าไม่ได้ช่วยให้ความเป็นอยู่หรือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่มีอาชีพเกษตรกรอาจโดนซ้ำเติมจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และตามมาด้วยปัญหาภัยเเล้งที่ถูกคาดหมายว่าในปีนี้จะแล้งมากสุดในรอบ 40ปี นับเป็นปัญหาเรื้อรังของคนไทยมานาน และอีกหนึ่งประเด็นคือความสั่นคลอนการเมืองในประเทศ เริ่มส่งสัญญาณ "คุกรุ่น" ขึ้นเป็นลำดับ เป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ
นอกจากนั้น ความเปราะบางของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทย อาจนำมาสู่ความเสี่ยงอีกหลายประการ เช่น หนี้เสียของสถาบันการเงินในประเทศอาจเร่งตัวขึ้นในกลุ่มธุรกิจ SMEs พฤติกรรมการก่อหนี้เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือน สวนทางกับความสามารถชำระหนี้ลดลง
จากการรวบรวมข้อมูลล่าสุดของหน่วยงานพยากรณ์เศรษฐกิจหลายแห่งประมาณการณ์ GDP ปี2563
#หน่วยงาน/เป้า GDP ปี63 - รัฐบาล / +3.00-4.00% - ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย / +2.80% - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย / +2.70% - ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ / +2.80% - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) / +2.80% - บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส +2.80% - ทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา +2.50%