“บาท”อ่อน..แล้วได้อะไร ?

“บาท”อ่อน..แล้วได้อะไร ? #ต่อให้บาทอ่อนอีกแค่ไหน #เราจะไม่อ่อนใจเรื่องของเธอ
ค่าเงินของเราวันนี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 37.3 บาท (แข็งขึ้นมาจึ๋งนึง) ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ นี้ล่ะครับ 37-38 บาท / 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ถ้าย้อนกลับไปดูต้นปีซึ่งอยู่ที่ 32-33 บาท / 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะพบว่า “บาท” อ่อนปวกเปียกมาตลอดทาง . อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลายคนเริ่มออกมาแสดงความตื่นเต้นดีใจล่วงหน้า ว่า ค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่า และเป็นไปได้ที่จะดีขึ้นอีกในช่วงต่อจากนี้ เพราะมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาตลอด . จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง / ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้น / การลงทุนในภาคธุรกิจจากต่างประเทศเริ่มมีมากขึ้น / สถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐฯดูดีขึ้น เฟดน่าจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เหล่านี้..น่าจะทำให้ “บาท” มีทิศทางแข็งค่า และมีเสถียรภาพมากขึ้น . อย่างไรก็ตามอีกรอบ บางเสียงบอกว่า ไม่ต้องดีใจไป “บาท” แค่พักฐานและคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้อีกระยะ ที่สุดแล้วจะอ่อนค่าได้เต็มคาราเบลกว่านี้ถึง 40-45 บาท / 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะสหรัฐยังต้องดึงแบงค์กงเต็กจำนวนมหาศาลออกจากระบบอีกมาก ดังนั้นจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินให้ดอลลาร์แข็งค่าต่อไป . #เสี่ยวCREW เชื่อว่าคงได้เห็นทั้ง 2 ทาง ระยะสั้นคงดูดีขึ้น จากนั้นระยะยาวผันผวนหนักลุ้นพังกันต่อ แต่ที่แน่นอนแล้วตอนนี้ และเรา “ได้” กันถ้วนหน้าจากการอ่อนค่าของเงินบาทมีดังต่อไปนี้ . • ได้ต้นทุนสูงขึ้น แทบทุกภาคธุรกิจจำเป็นต้องจ่ายแพงขึ้นให้กับต้นทุนหลักอย่าง “น้ำมัน” นอกเหนือจากนั้นก็ว่ากันไปตามประเภทวัตถุดิบของสินค้า หรือบริการที่ผลิตและจำหน่ายอยู่ เช่น อาหารหรือเครื่องสำอางค์บางประเภท ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อผลิต เมื่อออกขายก็มีให้เลือก 2 ทาง คงราคา หั่นกำไรตัวเอง หรือ ปรับราคาขึ้น ส่งต่อต้นทุนให้ผู้บริโภค . • ได้หนี้เพิ่ม อันนี้ก็เป็นอัตโนมัติตามทิศทางค่าเงิน ธุรกิจไหนที่มีการกู้เงินเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ก็แบกรับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากค่าเงินที่อ่อน ภาพง่ายๆ คือ เวลาชำระหนี้ก็ต้องเอาเงินบาทไปจ่ายมากขึ้น ถ้าเป็นหนี้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตอนนี้ต้องจ่าย 37-38 ล้านบาท เทียบกับต้นปีจ่าย 32-33 ล้านบาท . • ได้ใช้ชีวิตแพง จากทั้ง 2 อย่างที่ว่าไป เราทั้งหลายนี่ล่ะครับที่ได้รับสิทธิ์แบบหนีไม่ได้ ต้องมีต้นทุนการใช้ชีวิตประจำวันที่มากขึ้น ทั้งค่าเดินทาง ของกิน ของใช้ ไปยันสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ หรือแม้แต่อยู่บ้านเฉยๆ ก็มีโอกาสจ่ายค่าสาธารณูปโภคแพงขึ้นอีก ตามต้นทุนการนำเข้าพลังงานที่สูง . ปรับตัวและสู้กันต่อไปอีกสักหลายๆ ตั้งครับ เป็นกำลังใจให้