พร้อมรบบนโลก New Normal

ว่ากันว่าตลาดหุ้นมีโอกาสพุ่งทะยานไปถึง 1,800 จุด ในโค้งสุดท้ายของปีนี้เว้ยยยเฮ้ยยย ฟังดูน่าตื่นเต้น เป็นช่วงเวลาอันสดใส แสนโรแมติกของการลงทุน มองไปทางไหนมีแต่เรื่องดีๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง การเปิดประมูลโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เม็ดเงินกองทุนในประเทศไหลเข้า การปรับมุมมองเป็นเชิงบวกของ IMF ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ฯลฯ
คำถามคือ จริงไหม? ตอบได้ทันใด “ไม่รู้”
จะไปรู้ได้อย่างไรในเมื่อทุกวันนี้พี่ล่อเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงจนงงลงตับ แถมเรามีปัจจัยเสี่ยงรออยู่อีกบึ้ม ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าที่ยังไม่รู้ตอนจบ การชะลอตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว การเร่งตัวอย่างไม่หยุดหย่อนของราคาอสังหาริมทรัพย์ ราคาสินค้าเกษตรต่ำ-หนี้สินครัวเรือนสูง ที่คอยฉุดรั้งกำลังซื้อในประเทศ ภัยธรรมชาติที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เงินทุนต่างชาติที่ไม่ไหลเข้าตลาดหุ้นตามสถิติในอดีต ฯลฯ
พอเอาปัจจัยสองด้านมา “ป๊ะกันแหม” ผลที่ได้ยังไม่ค่อยลงตัวในเชิงบวกเท่าไรนัก ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อคาดการณ์เองไม่ได้เช่นกัน เรื่องที่ต้องทำแน่ๆ คือ ดูแลตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยในทุกสภาวะของโลกอันสวยงามแต่...อยู่ยากขึ้น สิ่งอันควรทำนอกเหนือจากแสวงหาการลงทุนในช่วงปลายปี คือ “ทำใจ” ให้พร้อมรบในปีต่อไป

New Normal มาถึงแล้ว ค่อยๆขยับให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในหลายประเทศ ยกตัวอย่างเช่น มาตรการ QE ทั้งหลาย สงครามการค้าที่กำลังนัวกันอยู่ ซึ่งในไม่ช้าคงส่งผลกระทบต่อประเทศไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ที่แน่ๆเจ้า New Normal นี้ได้สร้างสัมผัสใหม่ของการลงทุนแล้วในรูปแบบของ ความผันผวนหนักมากที่เกิดขึ้นมาตลอดในระยะหลัง คาดว่าพลังแห่งความผันผวนนี้จะอยู่กับท่านเสมอจนกลายเป็นเรื่องปกติ ต่อให้มีเลือกตั้ง หรือโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้นมันก็จะไม่จากไปไหน ดังนั้นโอกาสสูญเสียในการลงทุนจะเกิดได้ง่ายกว่าเดิม หากไม่ระวังและใช้วิธีเดิมๆ

ระวังหลัง อย่ามัวแต่คิดเรื่องการแสวงหาผลตอบแทนหรือสิ่งที่จะหาเพิ่มในอนาคตมากเกินไป บางคนโบนัสออก มีกำไรจากการลงทุน ก็เกิดอาการ “เงินมาปัญญาเกิด” สมองสั่งการ ซื้ออะไรดี ลงทุนอะไรต่อ พวกที่ยังไม่เคยก็อยากเอาเงินมาลองเพราะเห็นเขาได้เงินกันเยอะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใดที่อยากให้เงินงอกเงย แต่ในภาวะที่ทุกอย่างเสี่ยงสูงกว่าเดิม
จะดีกว่าไหมหากแบ่งเงินบางส่วนกันไว้เพื่อความชัวร์ ในรูปของเงินสด ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ (เอาให้เหมาะกับวัย ความต้องการ) เพื่อเป็นการ Play save ให้กับชีวิตหากเกิดกรณีไม่คาดคิดขึ้นมา และที่สำคัญอย่าลืมเอาบางส่วนไปใช้สำหรับการลดหรือปลดภาระหนี้ (ถ้ามี) เพื่อให้การดำเนินชีวิตมันสบายตัวขึ้นกว่าเดิม

ลดระดับความแรด ก่อนจะเริ่มลงทุนอะไรให้เริ่มเปลี่ยนความอยากรวย เพราะเห็นคนอื่น เพราะการเสพสื่อว่าลงทุนแล้วได้เงินเยอะ ได้เร็ว ไปเป็นการอยากรู้ อยากหาข้อมูลให้มากที่สุด แล้วประมวลผลให้เป็นวิธีการของตัวเอง ค่อยๆทดลองจากเงินจำนวนไม่มาก ไม่ต้องรีบ ถ้ารู้จริงแล้วเอาไปทำได้ถูกต้องเดี๋ยวเงินก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเอง จำไว้เสมอกำไรเยอะๆในยุคนี้ไม่มีอีกแล้ว
บางท่านอาจกำลังบอกว่าจุดนี้มันไม่จริง เห็นซื้อตามคนโน้น คนนี้ แล้วรวยก็มีเยอะแยะ เห็นบางคนเขาได้กำไรทุกวัน ถ้าเป็นแบบนั้นถามตัวเองก่อน มีเงินเท่าไหร่ อ่านกราฟเก่งไหม ดูงบการเงินเทพรึเปล่า ใช้เครื่องมือทางการเงินอะไรเป็นบ้าง เข้าใจภาวะเศรษฐกิจ-การลงทุนแค่ไหน สนิทกับคนวงในสินะ มีเวลาเฝ้าจอทั้งวัน เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้กี่แหล่ง ถ้าคำตอบออกมาเป็นเจ๋งทุกอย่าง ก็ไปลุยได้เลย แต่ถ้าเป็นมือใหม่ไร้คุณสมบัติก็จงอย่าา
อีกทางคือนำไปฝากพวกมืออาชีพลงทุน กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคลมีถมเถ เครื่องมือทางการเงินของพวกนี้เยอะกว่า แถมทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้น“เหนือ” กว่าเราหมดทุกข้อ ผลตอบแทนอาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนด้วยตัวเอง ก็เอาที่สบายใจว่าอยากได้ผลตอบแทนแค่ไหน

อย่าหมกมุ่น การลงทุนในตลาดอะไรก็แล้วแต่ อาจเป็นช่องทางให้เงินเพิ่มขึ้นได้ก็จริง แต่มันก็ทำให้ไม่เหลืออะไรเลยแหลกสลายลงไปกับตาได้เช่นกัน ไม่จำเป็นเลยที่เอะอะอะไรก็เอาแต่จะเล่นหุ้น จะเทรดคริปโต จะลองตลาดล่วงหน้า สะสมทอง เล่นเงิน เล่นแร่ แปรธาตุ อะไรเต็มไปหมด หยุดฟุ้งซ่าน บ้าบอ กับมันบ้างก็ได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทางเดียวที่จะทำให้เงินมันงอกเงย หรือ รวยขึ้น
คิดเยอะๆดูสักทีจะดีไหม บางทีการทำธุรกิจจริง การพัฒนาศักยภาพในการทำงาน (กรณีเป็นมนุษย์เงินเดือน) หรือ เอาเงินออมไปเริ่มธุรกิจเล็กๆ ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางต่อยอดเงินของท่านได้ หากวิเคราะห์ตัวเองออกว่าสามารถทำงาน ทำธุรกิจอะไรได้ดี ให้เติบโต ก็สามารถมีผลตอบแทนที่มากขึ้นตามเป้าหมายเช่นกัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะช้าหน่อย ไม่เร็วทันใจแบบการลงทุนแน่ แต่ในยามที่ความผันผวนมากมายขนาดนี้ Real Business อาจเป็นคำตอบที่ดีและจับต้องได้