วิกฤตเมียหลวงเพราะชีวิตจริงโอกาส 0.0000001% ที่คุณจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาว เข้ามาช่วยเหลือตลอดเวลาหนี

ดูแล้วบอกเลยว่า "อิน" ถ้าเราตัดสินใจแต่งงานตามที่ "หมอดู" บอกไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว ก็อาจจะมีสภาพชีวิตไม่ต่างจากนางเอกในเรื่อง เพราะด้วยวัยตอนนั้นคิดว่าอยากจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ความคิดเป็นแม่บ้านเพื่อเลี้ยงลูกอย่างเดียว คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ความเสี่ยงคือ "เราต้องพึ่งพารายได้จากสามีอย่างเดียว"
แต่ก่อนจะกลายไปเป็นเรื่องราวความรักในอดีตไปซะ วันนี้อยากตั้งใจมาแลกเปลี่ยนมุมมองกับคุณผู้หญิงที่เป็น "คนยุคใหม่" ทั้งหลาย ถ้าเกิดปัญหาเหมือนกับครอบครัวจริงๆจะทำอย่างไร
เพราะชีวิตจริงโอกาส 0.0000001% ที่คุณจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวคุณสมบัติแบบบอสเข้ามาช่วยเหลือตลอดเวลา
ที่สำคัญคือคุณยังมีลูกสุดที่รัก แต่สามีเลือกไปมีคนอื่น นอกจากคุณต้องแบกรับผลกระทบ "ทางความรู้สึก" แล้วคุณจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านการเงินตามซ้ำเติมในภายหลัง !!
วันนี้เรามี "เคล็ดไม่ลับ" เกี่ยวกับการวางแผนการเงินในฉบับแม่บ้านยุคใหม่ที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องคิดตัวเลขมากมายจนปวดหัว มาลองดูกันค่ะ
ขั้นตอนแรกคุณต้องแบ่งเงินเป็น 4 ส่วน โดยสมมติว่าสามีคุณให้เงินเดือนมาใช้จ่ายที่บ้านเดือนละ 10,000 บาท (ถ้ามากกว่านั้นแบ่งตามสัดส่วนเปอร์เซนต์นะค่ะ)
ก้อนแรก 3,000 บาท (30%) เป็นค่าใช้จ่ายประจำสำหรับครอบครัว อะไรก็ได้ที่จำเป็นต้องจ่ายทุกเดือนเป็นรายจ่ายประจำ เช่น ค่าอาหาร,ค่าสิ่งของใช้ในบ้าน (ส่วนนี้ถ้าเหลือได้ยิ่งดี)
ก้อนสอง 3,000 บาท (30%) เป็นค่าใช้จ่ายของลูก ค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีเท่าไหร่ก็หมดไม่เคยเหลือ แต่เรามองว่าหมดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร "เพราะเราวางแผนแล้วนะซิ"
ก้อนสาม 2,000 บาท (20%) เงินส่วนนี้ใช้ดูแลตัวเอง หรือของลูกก็ได้ เช่น ทำผม ดูแลผิวหน้า พาลูกไปเที่ยว หรือกิจกรรมเพื่อให้สมองและจิตใจผ่อนคลาย (ตามทฤษฎีลูกชุบเลยคะ ถ้ามีเเต่เปลือกคงไม่อร่อย ถ้ามีแต่ไส้คงไม่มีสีสัน คนเราต้องงามนอก ผ่องในถึงจะครบถ้วน บอกเลยว่าโดนเต็มๆ!!)
ก้อนสี่ 2,000 (20%) เงินก้อนนี้เป็นเก็บค่ะ เก็บให้หมด ที่สำคัญต้องเก็บอย่างมีวินัยด้วยนะคะ "ไม่ใช่เดี๋ยวเก็บ เดี๋ยวเอามาใช้ก่อน" เพราะเงินแค่หลักพันบาทนี้ล่ะ เรามีวิธีสามารถสร้างให้เป็นเงิน "ล้าน" ได้เลยนะคะ
เพราะถ้าคุณนำเงินมาลงทุนในหุ้น ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวปีละ 10% ลองมาคำนวณว่าถ้าเราลงทุนเดือนละ 1,000 บาทไปเรื่อยๆ ผลตอบแทนแค่ปีละ 8% แล้วใช้เวลา 20 ปี ลงทุนไปเรื่อยๆสุดท้ายในปีที่ 20 เงินเก็บในพอร์ตคุณก็จะมีทั้งหมด 592,947 บาท แล้วถ้าคุณลงทุนในหุ้นเดือนละ 2,000 บาทล่ะ เงินในพอร์ตของคุณเพิ่มขึ้นเป็น 1,185,894 บาท !!!
ในกรณีถ้าคุณเก็บเงิน 1,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี โดยไม่ทำอะไรเลย แต่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3% เงินเก็บ 1,000 บาทของคุณจะมีค่าเหลืออยู่แค่ 544 บาท!!
และสมมติเอาเงิน 1,000 บาทไปฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยปีละ 1% ผ่านไป 20 ปี เงินจะมีค่าเหลือ 668 บาท เพราะผลตอบแทนโตไม่ทันเงินเฟ้อนั้นเองค่ะ
ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด ไม่ตกเป็นทาสยาเสพติด ผ่ามมมมม !!!
เกี่ยวกันที่ไหนเล่าาาาาาาาา