หุ้นไทยขี่กระทิง รับ January effect ?

หุ้นไทยขี่กระทิง รับ January effect ? #หุ้นขึ้นแค่ไหนก็ไม่สำคัญเพราะผมมีคุณที่สำคัญกว่า
สวัสดีปีใหม่ครับวัยรุ่น !! เปิดมาตลาดหุ้นดูคึกคักดีเหลือเกิน หลายท่านคงเคยได้ยินปรากฎการณ์ในตลาดหุ้น ที่เรียกกันว่า "January effect" มาบ้างไม่มากก็น้อย . อธิบายสั้นๆก่อนแล้วกัน January effect เกิดจากแรงซื้อกลับของนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาสะสมหุ้นในช่วงต้นปี บ้างก็เพื่อปรับพอร์ตการลงทุน บ้างก็อาจมาเกาะกระแสทำกำไรในระยะสั้น เมื่อรวมกันมากๆ จึงทำให้ตลาดเป็นขาขึ้น . แล้วตลาดหุ้นไทยตอนนี้เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวไหม ? . คำตอบ คือ ทุกคนหวังเช่นนั้นครับ อยากให้แรงซื้อรอบใหม่เดือนม.ค.นี้ ผลักดันดัชนีฯเข้าสู่ขาขึ้น มุมมองนักวิเคราะห์เองก็คาดการณ์ไปในทิศทางเช่นนั้น โดยหลายสำนักคาดว่าในไตรมาสแรกนี้ มีลุ้นเห็นการฝ่าด่านทะลุ 1,700 จุดได้อีกครั้ง บร๊ะ!!! . ม.ค.ส่อแววผันผวน แต่เป็นจังหวะสะสมหุ้น . บล.ยูโอบีเคย์เฮียน ประเมิน 3 ปัจจัยที่ทำให้ตลาดผันผวนในช่วงต้น ม.ค. 65 ประกอบด้วย การระบาดของสายพันธ์โอไมครอนที่อาจทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้น / การไถ่ถอน LTF ที่ครบกำหนด 7 ปี ราว 1.5-2 หมื่นล้านบาท / ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 4/64 ที่ถือว่าอ่อนแอที่สุดของปี . ปัจจัยข้างต้นน่าจะสร้างความผันผวนระยะสั้นเท่านั้น แต่ไม่กระทบกับมุมมองเชิงบวกของการลงทุน จึงมองเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน . สำหรับธีมการลงทุนปี 65 แนะนำเปลี่ยนเข้ามาสู่ธีมภาคบริการ จากเดิมภาคการผลิต เพราะมีแรงสนับสนุนตามการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ เป็นบวกต่อหุ้นธนาคาร / อสังหาริมทรัพย์ / สื่อสาร / ค้าปลีก / บันเทิง . หุ้นเด่น คือ KBANK / CPN / ADVANC / ONEE / WHA / BANPU / OR หุ้นม้ามืดที่ชอบ ได้แก่ TKN / FSMART/ RAM / SFT . ส่วนการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ประเมินกรอบแนวต้านสำคัญของ SET ในช่วงไตรมาส 1/65 ที่ 1,740 จุด อิง PER 18.5 เท่า และ EPS เฉลี่ยปี 64-65 ที่ 94 บาท/หุ้น และประเมินเป้าหมาย SET INDEX ของปีนี้ที่ 1,820 จุด อิง PER 18.5 เท่า และ EPS ปี 2565 ที่ 98.4 บาท/หุ้น . January effect ลุ้น 1,700 จุด . บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้น้ำหนักบวกกับการเคลื่อนไหวของ SET INDEX เดือน ม.ค. แกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,700 จุด ด้วยสถิติในอดีตที่มักให้ผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่โอไมครอนคาดว่ากระทบต่อดัชนีและเศรษฐกิจจำกัดจากความรุนแรงที่ต่ำ . นอกจากนี้ Fund Flow เม็ดเงินลงทุนต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง ตามภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว สอดคล้องปัจจัยบวกระยะสั้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการช้อปดีมีคืน และกระตุ้น EV กลยุทธ์แนะนำ “ถือลงทุน” หลังให้สะสมช่วงพักตัวไปแล้ว หุ้นแนะนำเดือนนี้เน้น Domestic Play ได้แก่ CK / EA / HMPRO / KBANK / ORI . เป้าหมาย SET Target ปี 65 ที่ 1,770 จุด อ้างอิง EPS 96 บาทและ Target PER 18.5 เท่า โดยให้น้ำหนักเชิงบวกมากที่สุดต่อเศรษฐกิจไทยที่คาดฟื้นตัวในอัตราเร่งราว 4% จากทุกเครื่องยนต์ โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุน . ส่วนนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง มองไม่ได้กดดันอย่างมีนัยยะ นโยบายการเงินของ ธปท.คาดยังผ่อนคลาย ขณะที่ Fund Flow มีแนวโน้มพลิกมาไหลเข้า . ส่องแรงขาย LTF ม.ค.65 คาดกว่า 2 หมื่นลบ. . บล.โนมูระ พัฒนสิน มองปัจจัยที่เข้ามากดดันช่วงต้นปี คือ การไถ่ถอน LTF โดยผู้ซื้อ LTF ในปี 2016 จะเริ่มขายได้ตั้งแต่ปีนี้ ตามการรายงานข้อมูลการซื้อ LTF ในปี 2016 รายงานยอดซื้อทั้งปีอยู่ที่ราว 6 หมื่นล้านบาท และคาดต้นทุนเฉลี่ยของปีอยู่ที่บริเวณ SET 1,425 จุด . แรงขายมักเกิดขึ้นสูงสุดในเดือน ม.ค. เฉลี่ย 3 ปี 2017-2019 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท และทั้งปีเฉลี่ยที่ 4.7 หมื่นล้านบาท หรือราว 65-80% ของยอดซื้อ ดังนั้นประเมินว่าในเดือน ม.ค.นี้ อาจมีแรงขายสูงระดับ 45% ของทั้งปี . คล้ายปี 2018 ที่ตลาดปรับตัวขึ้นในปี 2017 และมีแรงขายของ LTF ออกมามาก หรือราว 1.9-2.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนที่ลงทุนในปีดังกล่าว มีกำไรอยู่ราว 14% จากต้นทุนเฉลี่ย ขณะที่ทั้งปี 2022 เสี่ยงยอดไถ่ถอน 4.2-5.6 หมื่นล้านบาท . คำแนะนำนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังความเสี่ยงหลังปีใหม่ จากความผันผวนของหลายปัจจัย เช่น การแพร่ระบาดระลอกใหม่ / การไถ่ถอน LTF / อาจจะมีความชัดเจนมากขึ้นในประเด็นการเก็บภาษีหุ้น . กลยุทธ์ระยะสั้นเน้นเลือกหุ้นรายตัว ส่วนระยะกลาง-ยาวคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ 60% Stock Picks ได้แก่ ADVANC / AMATA / GPSC / KBANK / KCE / MAKRO / SCB / TIDLOR เป็นต้น . คำแนะนำจาก #เสี่ยวCREW ทั้งหมดเป็น Guideline ที่ดีครับ แต่..ไม่มีใครฟันธงได้แน่นอน ดังนั้นจงประเมินแนวทางของตัวเองจากข้อมูลหลายๆทาง และเลือกหุ้นที่ดี ไม่ต้องรีบร้อน เพราะความแน่นอน คือ หุ้นไม่ขึ้นตลอด เห็นคึกๆแบบนี้ สักพักมีข่าวร้ายนิดหน่อย ร่วงแรงเฉย!! โชคดีปีใหม่นะครับ