top of page

เดอะแก๊ง WEH ใครลวงโลก?



เดอะแก๊ง WEH ใครลวงโลก? #อย่าหลอกใครถ้าคิดจะลงทุนเหมือนผมไม่หลอกคุณเพราะจริงใจ #มหากาพย์การลงทุน #คดีเพียบ

กลับมาต่อเรื่อง “วินด์ เอนเนอร์ยี่” (WEH) อีกนิดหน่อยฮะ ช่วงนี้เขียนบ่อย #เสี่ยวCREW ชอบฮะ มันดี คนรวยตอแหลใส่กันไปมา ใจพวกเราก็อยากรวยบ้างงง รับรองจะไม่ตอแหลใส่ใคร ไม่โกงด้วยยฮะ

อ่ะๆ กลับมาที่สถานะปัจจุบันของเรื่องนี้ - “ณพ ณรงค์เดช” ประธานกรรมการบริหาร ช่วงนี้เล่นบทพระเอก เดินสายเจอสื่อโชว์ความเจ๋งของบริษัท โชว์ปณิธานอยากเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์ความถูกต้องไม่ได้เบี้ยวเงินใคร ชนะทุกคดี มั่นใจว่าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 10 ก.ย. นี้จะผ่านไปด้วยดี - “ณัฐวุฒิ เภาโบรมย์” ประธานบริษัท ช่วงนี้เล่นบทเสียสละ ลาออกจากตำแหน่ง “กรรมการ” เพื่อลดกระแสความขัดแย้ง สร้างความสมดุลย์ของการใช้อำนาจลงนามให้กับบริษัท (เดิมเซ็น 2 ใน 3 คู่กับ “ณพ”) แต่..ไม่ลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท รับเงินเดือนหลักล้านต่อไป - “นพพร ศุภพิพัฒน์” เจ้าของเดิม-อดีตผู้ถือหุ้น ช่วงนี้เล่นบทบู๊ล้างผลาญ แฉทุกอย่าง แฉทุกสิ่ง เพื่อลากไส้ “ณพ ณรงค์เดช” ออกมาให้ได้ เอาเงินหมื่นล้านกูคืนมา ตอนนี้เปิดเว็บฯอลังการ www.thaibilliondollarheist.com รวบรวมหลักฐาน พยาน เอเวอรี่ติงจิงกะเบลไว้ซัดเรื่องนี้โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าใครลวงโลก ใครตอแหล หรือ ใครจะมาหยุดเรื่องทั้งหมด โอกาสนี้เราก็ขอเอาเรื่องที่เค้าไฟว้กันก่อนหน้านี้มาให้ดูเป็นข้อมูลกันไปก่อน คุณผู้อ่านลองใช้วิจารณญาณดูก็แล้วกันว่าอะไรมันเป็นยังไง

“ณพ ณรงค์เดช” แถลงเปิดจัยย 16 ส.ค.ที่ผ่านมา “ณพ ณรงค์เดช” ออกหมายเชิญสื่อมาแถลงข่าวแผนการเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่...ในการแถลงข่าวกลับไม่มีข้อมูลแผนการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่มีไทม์ไลน์อะไรทั้งสิ้น บอกได้แค่อยู่ระหว่างการเตรียมตัว คงได้เห็นความคืบหน้าเร็วๆนี้ (มั้ง) และธุรกิจของบริษัทมีความพร้อมสูง กำไรดีโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าโน่นนี่ บลา ๆ ๆ จนตอนนี้ก็ยังพูดตามเดิมอยู่ - -

พอสื่อถามถึงเรื่องคดีความต่าง ๆ "ณพ ณรงค์เดช" ระบุว่า เป็นเรื่องปกติที่จะผู้ไม่หวังดีวางกลยุทธ์สร้างคดีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อกดดันบริษัท (แปลกๆนะอันนี้ คนอื่นไม่เห็นต้องมีคดีอย่างพี่เลย) โดยขณะนี้หลายคดีได้ยุติไปแล้ว ซึ่งศาลพิพากษาให้ตนเป็นผู้ชนะคดีทั้งหมด เช่น

1. คดีอนุญาโตตุลาการที่ “นพพร ศุภพิพัฒน์” ฟ้องเพื่อขอยกเลิกการขายหุ้น WEH อนุญาโตตุลาการฮ่องกงได้ชี้ขาดว่าไม่สามารถยกเลิกการขายหุ้นได้ โดยทาง “นพพร ศุภพิพัฒน์” ได้รับเงินค่าหุ้น WEH ไปแล้ว 2. คดีที่ "เกษม ณรงค์เดช" ฟ้องตนที่ฮ่องกง ศาลสูงได้ยกคดีทิ้งทั้งหมด เพราะ "เกษม ณรงค์เดช" ยอมรับว่ามีการลงนามเอกสารหลายฉบับ โดยศาลได้มีคำสั่งให้ "เกษม ณรงค์เดช" ชำระค่าเสียหายด้วย คงเหลือแต่คดีฟ้องร้องในไทย ซึ่งมี “นพพร ศุภพิพัฒน์” ฟ้องที่ประเทศอังกฤษและมาฟ้องในประเทศไทย และคดี "เกษม ณรงค์เดช" ยื่นอุทธรณ์คดีการใช้เอกสารปลอมและปลอมลายเซ็นโอนหุ้น WEH ให้ "คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา" (แม่ยาย) กับพวก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลชั้นต้น คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดย "ณพ ณรงค์เดช" มั่นใจว่าหลักฐานที่มีอยู่จะพิสูจน์ความเป็นธรรมได้

แถมมีดราม่าด้วยยย บอกว่า การที่ถูกครอบครัวฟ้องร้อง เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่น่าเกิดขึ้น เสียใจมากกก เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้คุยกับคุณพ่อตามลำพัง ซึ่งอาจจะเกิดความเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด และบอกว่าไม่เคยนำเงินของครอบครัวไปซื้อ WEH โดยที่ผ่านมาทางครอบครัวก็ไม่สามารถชี้แจงเส้นทางการเงินดังกล่าวได้

“ณพ ณรงค์เดช” ยืนยันด้วยว่า ปัญหาคดีความต่าง ๆ จะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน พร้อมปิดท้ายหล่อๆ ว่า ตนบริหารบริษัทด้วยหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส มีกรรมการตรวจสอบ และจะตั้งกรรมการอิสระเพิ่มด้วยจากตอนนี้ที่มีอยู่ 11 ราย (โอเคค้าบบบ)

“นพพร ศุภพิพัฒน์” แถลงแฉกลับ คล้อยหลังจากที่ "ณพ ณรงค์เดช" แถลงข่าวไม่กี่วัน “นพพร ศุภพิพัฒน์” อดีตเจ้าของ, ผู้ร่วมก่อตั้ง, อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 59.46% และผู้บริหารก็ได้นัดสื่อบ้าง โดยแถลงออนไลน์ยิงตรงมาจากฝรั่งเศส พร้อมหลักฐานเต็มมือเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ 1. ยังจ่ายค่าซื้อ WEH ไม่ครบ เรื่องสำคัญประการแรกคือ มิ.ย.58 “ณพ ณรงค์เดช” ตกลงซื้อหุ้น WEH จาก “นพพร ศุภพิพัฒน์” มูลค่ารวม 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตกลงชำระกันไว้ 5 งวด แต่เมื่อถึงเวลาชำระงวดแรก “ณพ ณรงค์เดช” กลับไม่ยอมจ่ายตามสัญญา จากที่ต้องชำระ ก.ย.58 จำนวน 89.25 ล้านดอลลาร์ฯ ขอผัดผ่อนไปเรื่อยๆ จนถึง ธ.ค.58 จึงยอมจ่ายก้อนแรกพร้อมดอกเบี้ย 90.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่นั่นคือยอดที่ไม่ครบ !!! จริง ๆ ต้องจ่ายรวม 92 ล้านดอลลาร์ฯ (ได้ข่าวว่าตอนบินไปเจรจาที่ฝรั่งเศส พาภรรยาไปทำหนมครกให้นพพรกินด้วยนะฮะ อิอิ) ส่วนยอดที่ต้องจ่ายงวด ต.ค.58 จำนวน 85.75 ล้านดอลลาร์ เงียบกริบ ! ไม่ได้จ่ายตามสัญญา จน “นพพร ศุภพิพัฒน์” ต้องฟ้องให้ศาลบังคับคดี จึงได้เงินกลับมา 85.75 ล้านดอลลาร์ เมื่อ มิ.ย.62 ล่วงเลยมาถึง 4 ปี และจริงๆ ต้องได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวม 142.24 ล้านดอลลาร์ฯ เท่ากับว่าตั้งแต่ “นพพร ศุภพิพัฒน์” ขาย WEH ให้ “ณพ ณรงค์เดช” ผ่านมา 5 ปี ได้รับเงินแค่ 176.27 ล้านดอลลาร์ฯ จากมูลค่ารวมทั้งหมด 700 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งจริงๆ ควรจะเหลือยอดคงค้างเพียง 100 ล้านดอลลาร์ หาก “ณพ ณรงค์เดช” เป็นนักธุรกิจที่รักษาสัญญา แต่กลายเป็นคาราคาซังและค้างหนี้พร้อมดอกเบี้ยรวมถึงล่าสุดมูลค่า 580.88 ล้านดอลลาร์ฯ

2. "ณพ ณรงค์เดช" พูดไม่จริงเรื่องคดีความต่าง ๆ เพราะแท้จริงนั้น อนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้ "ณพ ณรงค์เดช" ต้องชำระค่าหุ้น WEH และค่าทนายความ แต่กลับเบี้ยวไม่จ่าย แถมโอนหุ้น WEH ไปให้ "โกลเด้น มิวสิค" ที่ฮ่องกง ซึ่งมีแม่ยายถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ทางอนุญาโตตุลาการได้คืนค่าทนายให้แก่บริษัทของ “นพพร ศุภพิพัฒน์” และชำระค่าใช้จ่ายสำหรับสถาบันอนุญาโตตุลาการ แสดงถึง "ณพ ณรงค์เดช" เป็นฝ่ายแพ้คดี จึงเป็นเหตุให้ต้องรับผิดชอบค่าทนายความและค่าใช้จ่ายของบริษัทในการดำเนินคดีอนุญาโตตุลาการ ดังนั้น คำกล่าวที่ "ณพ ณรงค์เดช" ออกมาพูดว่าชนะคดีจึงไม่เป็นความจริง ขณะเดียวกัน "ณพ ณรงค์เดช" ซึ่งอ้างว่าชนะคดีอนุญาโตตุลาการ กลับดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาลสูงของประเทศสิงคโปร์ ให้มีคำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งล่าสุดปรากฏว่าศาลสูงแห่งประเทศสิงคโปร์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกคำร้องดังกล่าว คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่บังคับให้บริษัทของ "ณพ ณรงค์เดช" ชำระเงินให้แก่บริษัทของตนนั้นจึงได้รับคำรับรองจากศาลสูงแห่งประเทศสิงคโปร์ ว่าเป็นคำชี้ขาดที่ถูกต้อง "ณพ ณรงค์เดช" จึงเป็นผู้แพ้คดีและไม่ได้ชนะคดีดังที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตามบริษัทของ "ณพ ณรงค์เดช" ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ เพราะ "ณพ ณรงค์เดช" ได้โอนหุ้น WEH ไปเป็นทอดๆ จนกระทั่งได้โอนให้แก่ "โกลเด้น มิวสิค" ซึ่งจดทะเบียนที่ฮ่องกง จึงได้ดำเนินการขอให้ศาลฮ่องกงมีคำสั่งอายัดหุ้นดังกล่าวโดยไม่ได้ฟ้อง "ณพ ณรงค์เดช" เป็นคดีแต่อย่างใด ซึ่งศาลฮ่องกงก็ได้มีคำสั่งตามที่ร้องขอ ต่อมาได้ฟ้อง "ณพ ณรงค์เดช" / "โกลเด้น มิวสิค" และบุคคลอื่น ต่อศาลในประเทศอังกฤษว่า กระทำละเมิดต่อบริษัทเกี่ยวกับการโอนหุ้น WEH และเรียกร้องให้จำเลยในคดีนั้นชำระเงินให้ค่าซื้อขายหุ้น WEH คิดเป็นเงินไทยหลายหมื่นล้านบาท โดยบริษัทได้ขอให้ศาลอังกฤษออกคำสั่งห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นดังกล่าวต่อจากศาลฮ่องกง ที่เคยมีคาสั่งอายัดหุ้นไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นคำสั่งอายัดหุ้นของศาลฮ่องกงจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ อีกต่อไป อีกทั้งตนไม่เคยฟ้องคดีในฮ่องกง ดังนั้นคำกล่าวของ "ณพ ณรงค์เดช" ที่ว่า “ศาลฮ่องกงได้ยกคดีทิ้งไปทั้งหมดแล้ว” จึงเป็นคำกล่าวที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง หากชนะคดีในศาลอังกฤษต่อ "โกลเด้น มิวสิค" จะดำเนินการบังคับชำระหนี้เอากับหุ้นที่ "โกลเด้น มิวสิค" ถืออยู่ใน WEH และบังคับขายทอดตลาด ซึ่งเมื่อนั้น "โกลเด้น มิวสิค" จะพ้นสภาพความเป็นผู้ถือหุ้น WEH ทั้งนี้การที่ "ณพ ณรงค์เดช" กล่าวว่า คดีความทั้งหมดจะไม่มีผลกระทบกับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วการที่หุ้น WEH ที่ "โกลเด้น มิวสิค" ถืออยู่ถึงสัดส่วน 40% จะต้องถูกขายทอดตลาดและเปลี่ยนมือเป็นของบุคคลอื่น จะไม่มีผลใดๆ ต่อการตัดสินใจของ ก.ล.ต.และ ตลท.ในการรับ WEH เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนหรืออย่างไร

3. ขาดหลักธรรมาภิบาลในการบริหาร นำเงินจากธุรกิจของ WEH ไปใช้ส่วนตัว โดยถูกแฉโดยอดีตผู้จัดการบัญชี WEH และกลุ่มพนักงานของบริษัท โดยมีหลักฐานประกอบเพียบ อาทิ ซื้อรถเบนซ์ให้แม่ยาย จัดปาร์ไฮโซตี้ที่บ้าน ค่าเดินทางไปเจรจาเรื่องหุ้นที่ฝรั่งเศส เงินชำระค่าซื้อหุ้นWEH ฯลฯ

มีตัวละครอีกมากมายในเรื่องนี้ที่ยังไม่ออกโรง บทเป็นอะไรยังมิทราบได้ รอดูกันต่อไปฮะ

249 views0 comments
bottom of page