เปิดสถิติหุ้นไทยครึ่งปีแรก ลุ้นปัจจัยบวก-รีบาวด์แรง

เปิดสถิติหุ้นไทยครึ่งปีแรก
ลุ้นปัจจัยบวก-รีบาวด์แรง
.
ครึ่งปีแรกผ่านไปแล้ว หวังว่ายังสบายดีกันอยู่นะครับ หึหึ
.
ก็ถือเป็นครึ่งปีที่ใช้ทดสอบและท้าทาย ความเก๋า ความเขี้ยว หรือความรู้ ของทุกท่านได้ดีเหลือเกิน
.
เพราะผันผวนหนักมากไปทุกสินทรัพย์ วันนี้เลยขอหยิบเอาสถิติครึ่งแรกปี 65 ตลาดหุ้นไทยมาตอกย้ำกันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง...
.
หุ้นไทยปีนี้ทำท่าว่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นขาขึ้น เพราะเริ่มปีได้สวยเลย แม้โควิดจะยังอยู่ แต่จางความรุนแรงลง แม้สงครามเริ่มปะทุ แต่ก็ไกลโขอยู่
.
ต้นปีดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสิ้นปีก่อนทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีที่ 1,713.20 จุด เมื่อ 18 ก.พ. และมูลค่าการซื้อขายขึ้นไปพีกสุดเกือบ 1.5 แสนล้านบาท เมื่อ 8 มี.ค.
.
หลังเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง หุ้นเล็ก-กลาง-ใหญ่ พาเหรดบวกกันทั่วหน้า พบเซียนหุ้นหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย
.
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เพราะหลังจากนั้นหุ้นไทยก็เริ่มปรับฐาน และผลกระทบจากสงครามเริ่มส่งผลมากขึ้น เหตุจากราคาน้ำมันที่พุ่งกระจุย ส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจพุ่งทั่วโลก
.
ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อระเบิด ธนาคารกลางทั่วโลกแห่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น จนนำมาซึ่งความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย
.
หลังจากนั้นก็เอวัง!! ตลาดหุ้นทั่วโลกพากันดิ่งฮวบ ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็เช่นกัน ดัชนี 6 เดือนแรกลงไปต่ำสุด 1,557.61 เมื่อ 23 มิ.ย. มีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเมื่อต้นปี (แม้รวมทั้งปีจะยังซื้อสุทธิ) ไหลออกไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น
.
กดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนต่อเนื่อง ล่าสุดวานนี้ (6 ก.ค.) ลงไปต่ำสุดของปีที่ 1,530.43 จุด โดยกูรูมองเห็นพร้อมกันว่า ยังจะลงต่อได้อีก มีโอกาสหลุด 1,500 จุด ลงไปต่ำได้ถึง 1,4xx จุดกันเลยทีเดียว
.
เพราะปัจจัยลบเต็มไปหมด ทั้งนักวิเคราะห์ทั้งเซียนหุ้นเริ่มแนะนำเพิ่มสัดส่วนถือเงินสดกันแล้ว
.
แน่นอนในวิกฤติย่อมมีโอกาส แต่...ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่า ขาลงจะสะเด็ดน้ำตอนไหน ขาเทรดสั้นขาเก็งกำไรตอนนี้ควร Wait & See ไปก่อนน่าจะดีกว่า ผลีผลามเข้าช้อนหุ้น อาจจะกลายเป็น "ในโอกาสมีวิกฤติ" ก็เป็นได้
.
ส่วนสายลงทุนยาวสามารถปรับกลยุทธ์ได้ตามเหมาะสมว่าจะถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ รอดูจังหวะไปก่อน
.
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นแยกตามหมวดธุรกิจช่วง 6 เดือนแรก พบว่า หุ้นใน SET มีบวกเพียง 4 กลุ่ม คือ ท่องเที่ยว, โรงพยาบาล, ขนส่ง/โลจิสติกส์ และ แฟชั่น ซึ่งส่วนใหญ่ได้อานิสงส์จากการเปิดเมือง
.
ส่วนที่เหลือติดลบเรียบ ลงมากสุดคือ ธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์, อิเล็กทรอนิกส์ และ บรรจุภัณฑ์ ฟาก mai ซึ่งมี 8 หมวดธุรกิจ ก็บวกเพียง 3 ธุรกิจ ที่เหลือติดลบทั้งหมด
.
ทั้งนี้ครึ่งแรกปี 65 ตลาดหุ้นไทยมีมาร์เก็ตแคปรวม 18.73 ล้านล้านบาท ซื้อขายที่ P/E ระดับ 18.46 เท่า
.
อย่างไรก็ดีภาวะตลาดขาลงและผันผวนแบบนี้ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไทย "ภากร ปีตธวัชชัย" ยังมั่นใจว่าพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ยังอยู่ในระดับที่ดี รองรับความผันผวนได้
.
แม้จะมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติระยะหลัง แต่ก็ถือว่าขายน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค และทั้งปียังเป็นซื้อสุทธิอยู่ เพราะสภาพคล่องหุ้นไทยอยู่ในระดับสูง, กำไร บจ.ยังมีแนวโน้มเติบโตดี
.
มองว่าเป็นโอกาสหาจังหวะลงทุนในยามวิกฤต และไม่กระทบต่อการระดมทุนในตลาดหุ้น รวมถึงยังไม่เกิดภาวะตลาดหมีในตอนนี้
.
ประกอบกับนักวิเคราะห์บางสำนักก็มองเช่นเดียวกันว่า ตลาดหุ้นรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้ว เหลือรอแค่จังหวะที่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน อาจจะเห็นการรีบาวด์แรง ๆ ได้
.
เพราะพื้นฐาน บจ.ไทยหลายบริษัทยังดีอยู่ และหากผลประกอบการไตรมาส 2/65 ออกมาดี จะเป็นแรงสนับสนุนใน SET Index ฟื้นตัวได้
.
อ่ะ...พอได้ใจชื้นขึ้นมาบ้างนะครับนักลงทุนทั้งหลาย แต่ยังไงก็ตาม พิจารณาข่าวสารต่างๆ ให้ดี ประเมินธุรกิจและพื้นฐานบริษัทก่อนลงทุนอย่างรอบคอบทุกครั้ง อย่าใช้หูในการลงทุน ต้องใช้สติในการลงทุน ^^

