เปิดโผ 10 อันดับบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกปี 65

เปิดโผ 10 อันดับบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกปี 65
#บริษัทระดับโลกจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่เท่าหัวใจที่ให้คุณ
.
ล่าสุดนิตยสารฟอร์จูน ประกาศรายชื่อ "FORTUNE Global 500" หรือ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจากการประเมินรายได้ปี 64 ซึ่งสำรวจข้อมูลจากบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลก
.
แอดคิดว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก แม้จะเป็นนักลงทุนไทย ที่ลงทุนในตลาดทุนไทยเป็นหลักก็ตาม จึงคัด 10 อันดับแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกมาแชร์กัน
.
กลุ่ม TOP10 ประกอบด้วยบริษัทจากสหรัฐฯ รวม 4 บริษัท, จีน 4 บริษัท ที่เหลือคือ ซาอุดิอาระเบีย และ เยอรมัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการผลิตน้ำมันและโรงกลั่น
.
อย่างไรก็ตาม อันดับหนึ่ง "Walmart" ยักษ์ใหญ่ด้านคอมเมิร์ซ ยังครองแชมป์ได้อย่างเหนียวแน่น เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 17 นับตั้งแต่ปี 2538 และเป็นบริษัทที่มีจำนวนพนักงานมากที่สุดถึง 2.3 ล้านคน
.
ทั้งนี้ "Saudi Aramco" บิ๊กน้ำมันรายใหญ่จากซาอุดิอาระเบีย ครองแชมป์บริษัทที่มีกำไรสูงสุด โดยปีปี 64 ทำได้ระดับ 3.6 ล้านล้านบาท ขณะที่เฉลี่ย 3 ปีหลัง (62-64) มีกำไรถึง 3 ล้านล้านบาท
.
ด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) บริษัท "Apple" ครองแชมป์สูงสุดถึง 88.52 ล้านล้านบาท โดย "Apple" ยังเป็นรองแชมป์บริษัทที่มีกำไรเฉลี่ย 3 ปีหลังสูงสุดถึง 2.08 ล้านล้านบาท
.
ด้านบริษัทจากจีนไม่สามารถวัดมูลค่ามาร์เก็ตแคปได้ เพราะทั้ง 4 บริษัทใน TOP10 ไม่ได้เป็นบริษัทมหาชน ซึ่งถือครองโดยรัฐบาลจีนมากกว่า 50% ขึ้นไป
.
สำหรับ "FORTUNE Global 500" มีบริษัทจากจีน (รวมฮ่องกง-ไต้หวัน) ติดโผมากสุดถึง 145 บริษัท รองลงมาคือบริษัทจากสหรัฐฯ ติดโผรวม 124 บริษัท และอันดับ 3 คือบริษัทจากญี่ปุ่นรวม 47 บริษัท
.
ในบทบรรณาธิการของนิตยสารฟอร์จูน ฉบับเดือนส.ค.-ก.ย. 2565 อลิสัน ชอนเทล (Alyson Shontell) บรรณาธิการบริหาร ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "ประเด็นก็คือ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการเงินในปี 64 ที่โลกเริ่มฟื้นตัวจากโควิด-19 ส่วนปีนี้มีความท้าทายใหม่ ๆ มากมายมาเป็นกระบุง… บททดสอบที่แท้จริงสำหรับธุรกิจทุกขนาดคือ ใครจะอยู่รอดและเติบโตได้บ้างในสภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดหรือเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่มีใครทราบว่าจะนานแค่ไหน รุนแรงเท่าใด"
.
เป็นความเห็นที่น่าสนใจมากครับ เพราะโลกเราทุกวันนี้มีปัจจัยลบใหม่ ๆ เข้ามากระทุ้งเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเหลือเกิน ไม่ว่าจะโรคระบาด หรือ ความขัดแย้งระหว่างประเทศและสงคราม ในแง่นักลงทุนยังไงก็กระจายความเสี่ยงกันให้เหมาะสมนะค้าบบบบบ