เมื่อเศรษฐกิจดูหงอยเหงา ตลาด "บ้านหรู" ยังอู้ฟู่อยู่ไหม

เมื่อเศรษฐกิจดูหงอยเหงา ตลาด "บ้านหรู" ยังอู้ฟู่อยู่ไหม #ไม่อยากมีบ้านหรูแค่อยากอยู่ในใจเธอ
ช่วงที่ผ่านมาเรามักเห็นข่าว บ้านแพง บ้านหรู ขายดีมว้ากก ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่เปิดโครงการใหม่ ต่างก็พาเหรดกันทำโครงการระดับบนราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไปกันเกือบทั้งสิ้น #เสี่ยวCREW ก็แอบสงสัยเหมือนกันครับ ณ ตอนนี้ยังขายได้กันอยู่ไหม ? เพราะออกโครงการกันมาเยอะเหลือเกิน ขณะที่สภาพเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศดูไม่เอื้อต่อการซื้อ-ขายเท่าไรนัก . ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ระบุว่า ครึ่งแรกปี 66 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปได้รับความนิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยขายได้สะสมทั้งสิ้น 21,597 หน่วย จากซัพพลายทั้งหมด 27,274 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายสูงถึง 79.2% สะท้อนดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ . ต่างจากบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มที่มีหนี้ครัวเรือนสูง และยังพบปัญหาในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้มีกำลังซื้อลดลงต่อเนื่องเช่นกัน . ขณะที่หากจำแนกเป็นระดับราคา บ้านระดับราคา 10 - 20 ล้านบาท สัดส่วน 53% รองลงมาคือ 21 - 30 ล้านบาท สัดส่วน 20%, มากกว่า 50 ล้านบาท สัดส่วน 12%, 31-40 ล้านบาท สัดส่วน 11% และ 41-50 ล้านบาท สัดส่วน 4% . ทั้งนี้ ตลาดบ้านที่มีระดับราคา 10 - 20 ล้านบาท มีความต้องการในตลาดมากที่สุด และกลุ่มผู้ซื้อเป็นคนไทย 100% โดยเป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงอายุ 30 - 35 ปี มีทั้งกลุ่มที่ทำธุรกิจส่วนตัว หรือกลุ่มที่ทำงานบริษัทเอกชนมาได้สักระยะ มีการเติบโตในสายงานที่รวดเร็ว และมีรายได้มากขึ้น จึงเริ่มต้นซื้อเป็นบ้านหลังแรก . สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผู้พัฒนาอสังหาฯ จะเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ตามดีมานด์ที่กำลังเติบโต สะท้อนความเชื่อมั่นในตลาด . "มงกุฎ เตโชฬาร" หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เผยว่า ตลาด "บ้านหรู" กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง มียอดปฏิเสธสินเชื่อเพียง 4-11% เท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมียอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.8 หมื่นล้านบาท โดย 9 เดือนที่ผ่านมาขายไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท . ขณะที่ช่วงไตรมาส 4/66 มีแผนเปิดอีก 6 โครงการใหม่มูลค่า 10,680 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังซื้อในช่วงปลายปีถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาฯ ประกอบกับมองว่าโดยภาพรวมได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐที่ได้ออกมาตรการ ฟรีวีซ่าซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวแล้ว ยังช่วยเสริมภาคธุรกิจอสังหาฯ ด้วยเช่นกัน . "ศุภโชค ปัญจทรัพย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป (A5) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าโครงการอสังหาฯ ริมทรัพย์ระดับบนอย่างต่อเนื่อง นำร่องโดย “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ . ส่วนปี 67 เบื้องต้นจะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 โครงการ คือ CINQ 2 กับ VANA 3 และมีอีกหนึ่งโครงการที่รชยา จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการขยายโครงการต่อเนื่องหลังจากที่เราปิดไปแล้ว 4 โครงการ . ขณะที่ปี 68 จะเปิด 5 โครงการ และในปี 69 จะเปิดรวม 6 โครงการ รวมแล้วตามแผน 3 ปี เปิดรวม 14 โครงการ เป็นไปตามโรดแมปเป้ารายได้แตะ 5 พันล้านบาทภายในปี 69 โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอนแล้วประมาณ 2.4 พันล้านบาท . สำหรับโครงการ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” เป็นโครงการต่อยอดความสำเร็จของการพัฒนาโครงการ “วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 - ศรีนครินทร์” พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 43 หลัง บนที่ดินกว่า 17 ไร่ ขนาดที่ดิน 60-140 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 415-556 ตารางเมตร ราคา 25-50 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าเกิน 50% . เตรียมพร้อมเปิด Pre-Sales เฟสแรกเปิดปลายปีนี้ประมาณ 6 ยูนิต (มีทั้งบ้านตัวอย่างและบ้านพร้อมโอน) ตั้งเป้ายอดขายในเฟสแรกประมาณ 200 ล้านบาท . "ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า เตรียมเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “ฌอน” (Shawn) 2 แห่ง มูลค่ารวม 5.5 พันล้านบาท ทำเลรามอินทรา-จตุโชติ โดยเป็นบ้านหรูราคาตั้งแต่ 15 - 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์หลักของบริษัทในการเจาะเป้าหมายไปที่ลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะมักไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สินครัวเรือน เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงอยู่แล้ว . "สถานการณ์ตลาดขณะนี้มีปัจจัยลบจากค่าแรง ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น รวมถึงดอกเบี้ย ซึ่งมีผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวม แต่ไม่กระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากลูกค้าหลักของโครงการสิงห์ เอสเตท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยเราจะโฟกัสตลาดราคาไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท” . "กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) ประเมินว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีกำลังซื้อจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวหลังโควิดเป็นแรงหนุน ทำให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักกว่าช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนจากการเติบโตของตลาดบ้านเดี่ยว ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มราคา 10 - 25 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีรายได้สูง มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ต่ำ และไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากนัก . รวมถึงยังมีความต้องการที่จะมองหา หรือขยับขยายที่อยู่อาศัย ทำให้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บ้านเดี่ยวมีอัตราการขายเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดบ้านกลุ่มอื่น . บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการภายใต้ 2 แบรนด์ใหม่เจาะกลุ่มอสังหาฯ ระดับบน ประกอบด้วย "The Arbor" และ "The Honor" ซึ่งมีระดับราคาตั้งแต่ 12 - 60 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพ อาทิ ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ และ รามอินทรา – วัชรพล มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 พันล้านบาท โดยได้นำร่องเปิดตัว "The Arbor" ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท ไปแล้วเมื่อ ก.ย.ที่ผ่านมา