เศรษฐกิจยับเยิน !! รัฐเตรียมขูดภาษีสบัด

เศรษฐกิจยับเยิน !! รัฐเตรียมขูดภาษีสบัด #อยากเก็บภาษีอะไรก็เก็บไป #แต่เก็บภาษีคนหล่อเมื่อไหร่ผมจ่ายไม่ไหวจริงๆ
ปีนี้พี่รัฐบาลนำด้วยสรรพากร ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง เร่งหารายได้ด้วยการเตรียมเก็บภาษีจากหลากหลายช่องทางเลยนะครับ...ทั้งที่เศรษฐกิจดีเหลือเกินนนนนน . ประเดิมด้วยภาษีการซื้อขายหุ้น (Financial Transaction Tax) อัตรา 0.1% หรือล้านละพัน ที่อ้างว่างดเว้นให้มาตั้งแต่ปี 2534 . ตามมาติด ๆ ด้วยภาษีการคริปโทฯ ที่จะหัก ณ ที่จ่าย 15% ของกำไร ซึ่งก็งดเว้นให้มาตั้งแต่ปี 2561 . ต่อด้วยภาษีความเค็มที่กำลังเตรียมจะเก็บ แต่ยังไม่มีรายละเอียด . รวมถึงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเพิ่มขึ้น 100% จากเดิมเก็บเพียง 10% ของภาระภาษีที่เจ้าของที่ดินต้องจ่าย . รวมตัวเลขกลมๆ ของภาษีทั้ง 4 ประเภทที่สำนักวิจัยต่างๆ ประเมิน น่าจะหาเงินเข้ารัฐได้ราวแสนล้านบาท +/- ในข้อแม้ที่ทุกอย่างยังดำเนินการเหมือนเดิม . แต่ข้อเท็จจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะภาษีกลุ่มการลงทุนทั้งหุ้นและคริปโทฯ ซึ่งมีการประเมินว่ามูลค่าการซื้อขายจะหายไประดับ 30-70% เพราะต้นทุนนักลงทุนเพิ่มขึ้น . ดังนั้นเมื่อมูลค่าการซื้อขายลดลง การจัดเก็บภาษีที่ประเมินจากวอลุ่มปัจจุบันที่คาดว่ารัฐจะมีรายได้หลายหมื่นล้านต่อปี คงเป็นไปไม่ได้ . ตลาดการลงทุนในไทยที่มีสภาพคล่องเป็นเบอร์ต้นๆ ของอาเซียน ดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติได้มหาศาล อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย พัฒนาการต่างๆ จะชะงักลง เพราะไม่มีใครอยากมาลงทุนที่มีต้นทุนเพิ่ม ทั้งหุ้นและคริปโทฯ . โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่เป็นกระดูกสันหลังหนุนเศรษฐกิจไทยมาตลอด คงจืดลงอย่างมีนัยสำคัญ คิดดูว่าสภาพคล่องที่หายไปจากแรงขายหนีต้นทุนภาษีที่แพงขึ้น ราคาหุ้นหรือ SET Index คงดิ่งลงแน่ ๆ . ฟากคริปโทฯ กลุ่มสตาร์ทอัพเขาดั้นด้นพัฒนาระบบจนเป็นที่ยอมรับของ ก.ล.ต. มีการซื้อขายคึกคัก ทั้งที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐเลยแม้แต่น้อย พอตลาดมันบูมขึ้นมา ดันจะไปไถภาษีจากกำไรในอัตราสูงถึง 15% นักเทรดแห่ไปกระดานต่างประเทศกันแน่ๆ สุดท้ายจะเหลือแต่กระดานเทรดแห้งๆ สัญชาติไทย . ส่วนภาษีความเค็ม แม้ยังไม่มีรายละเอียด แต่ตลาดสินค้าตรงนี้มีมูลค่าการตลาดถึง 8.8 หมื่นล้านบาท และเป็นสินค้าที่บริโภคในครัวเรือนทั้งสิ้น เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารปรุงสำเร็จ อาหารกระป๋อง และ เครื่องปรุงต่างๆ หากขึ้นภาษีในส่วนนี้ ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแน่นอน ซ้ำเติมไปอีกจากปัจจุบันที่ทุกอย่างก็แพงเหลือเกิน . ขณะที่การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งรัฐเคลมว่างดไว้ให้มา 2 ปีแล้ว เสียรายได้ไปปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อหลายธุรกิจ ทั้งอสังหาริมทรัพย์, เจ้าของร้านค้า, สถานบันเทิง, กิจการโรงงาน, โรงแรม และ กิจการพาณิชย์อื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะรายเล็ก ซึ่งทุกวันนี้ก็แย่จากโควิดอยู่แล้ว . มีการประเมินว่า หากรัฐบาลจัดเก็บเต็ม 100% จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายภาษีที่ดินของผู้ประกอบการทั้งระบบประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะรายกลาง-รายย่อย ซึ่งเสียเปรียบในด้านเงินทุนสู้รายใหญ่ไม่ได้ . การเก็บภาษีทั้งหมดทั้งมวลนี้ ภาครัฐและกรมสรรพากร ควรกลับไปทบทวนกันใหม่ อย่างน้อยก็รอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีชัดเจนแล้วค่อยปรับขึ้นก็ยังไม่สาย การมาเร่งเก็บตอนนี้เหมือนเป็นการซ้ำเติมประชาชนในยุคที่วิกฤติโรคระบาดยังคงอยู่ . ดูๆ ไปนึกถึงหนังประวัติศาสตร์ย้อนยุค ทั้งฝั่งยุโรปก็ดี จีนหรือเกาหลีก็ดี มีให้ชมกันบ่อยครั้ง ที่ภาครัฐหรือผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองรีดภาษีสุดโหด ประชาชนอดอยากแร้นแค้น จนเกิดการลุกฮือต่อต้าน มีจลาจลทั่วทุกแขนง เข้าสู่กลียุค . แม้ปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ความเชื่อมั่นและไว้ใจคงจางลงทุกที เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้สร้างอะไรดีๆให้สัมผัสได้สักเท่าไร ยิ่งช่วงนี้ข้าวของแพงก็ดันไม่แก้ไข มัวแต่กัดกันเองเละเทะไปหมด ที่จริงอยากให้ประชาชนรัก ควรทำตัวน่ารักๆ กันหน่อยนะครับ หนทางต่อไปแก้ไขบ้างก็น่าจะดี . ที่จริงช่องทางหาเงินให้รัฐมีอีกตั้งมากมาย นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน นักบริหาร ระดับประเทศบอกไว้เพียบ!! มีหลายหนทางที่ดี ทำได้จริง แหกหูฟัง แหกตาดูบ้างก็ได้นะจ๊ะ ไม่ใช่เอะอะก็กู้ ก็ขึ้นภาษี วอนอย่าซ้ำเติมประชาชนเลยนะครับท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย