เศรษฐกิจโลก สุดเปียกปอน T T โปรดระวัง พายุใหญ่ อาจกำลังมา

เศรษฐกิจโลก สุดเปียกปอน T T โปรดระวัง พายุใหญ่ อาจกำลังมา #เศรษฐกิจโลกอาจติดหล่มแต่ถ้าลองคบผมอาจติดใจ
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกช่วงนี้ ดูน่าหวาดหวั่นมากขึ้นนะครับ ไม่รู้หลายๆ ท่านรู้สึกเฉกเช่นเดียวกันหรือเปล่า หลังผ่านพ้นไตรมาสแรก การปรับประมาณการและมุมมองด้านเศรษฐกิจ ของสำนักวิจัยและสถาบันการเงิน ทั้งไทยและเทศต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ แย่กว่าคาดและมีแนวโน้มแย่ลง . ผลพวงก็มาจากการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ แต่ดันนำพาไปสู่ปัญหาที่มากมายและซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งช่วงเวลานี้ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่ง เพราะมันอาจเลี้ยวไปสู่ทางที่ดีขึ้น หรืออาจแหกโค้งไปสู่การเกิดวิกฤต ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น . เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ มันมีปัจจัยสำคัญๆ ที่ต้องจับตา เพื่อสังเกตว่าเศรษฐกิจโลกจะผ่านโค้งหรือแหกโค้ง ประกอบด้วย . 1. สถานการณ์แบงก์ล้มในอเมริกาและยุโรป ปัจจุบันมีธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง (มีมากกว่าที่เป็นข่าวอยู่อีกเยอะ) ที่สถานการณ์ทางธุรกิจอาจไปไม่รอด มีปัญหาด้านการดำเนินงานภายในซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก มีการบริหารที่ผิดพลาด โครงสร้างภายในที่อ่อนแอ จนฐานะทางการเงินเสี่ยงไปต่อไม่ไหว เมื่อเผชิญกับปัจจัยเร่งจากนโยบายการเงินที่เร็วแรงทะลุนรก การกลับบ้านเก่าจึงเกิดขึ้นโดยง่าย . 2. เงินเฟ้อและดอกเบี้ยยังคงสูงต่อเนื่อง แม้เฟดจะแสดงท่าทีหยุดขึ้นดอกเบี้ย แต่เร็วเกินไปที่จะดีใจอ่ะครับ เพราะไม่ได้แปลว่ามันจะลงในเร็วๆ นี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านคาดว่า มันจะอยู่ในระดับสูงไปอีกพักใหญ่ ซึ่งจะนำพาไปสู่ปัญหาต้นทุนของภาคธุรกิจ การบริโภคของภาคครัวเรือนไปอีกนานด้วยเช่นกัน และท้ายที่สุดแล้วปัญหาความตึงตัวเหล่านี้ก็จะย้อนกลับไปสร้างความฉิบหายให้ภาคธนาคาร . 3. เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาด ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งกับประเทศขนาดใหญ่ และปัญหาภายในเองของจีน ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นปัญหาใหญ่ก่อนหน้านี้ อาจจะมีข่าวว่าดูดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วยังไม่กลับสู่สถานการณ์ปกติ และเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบเศรษฐกิจจีนค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นภาคธุรกิจใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาล . ขณะที่การบริโภค การลงทุน ในประเทศจีน ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด การบริโภคในประเทศยังชะลอตัวต่อเนื่อง ตัวเลขการนำเข้าของจีนปรับลดลงอยู่ในระดับติดลบ จากสถานการณ์ปกติอยู่ในระดับ 4% และการเดินทางระหว่างประเทศยังมีข้อจำกัดแม้จะมีการเปิดประเทศแล้ว . สรุป คือ อุปสรรค ขวากหนาม ยังมากมายนะครับ ข่าวร้ายพร้อมปะทุและเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งมันก็จะเกิดแรงกระแทกต่อภาคการลงทุนชัวร์ๆ เศรษฐกิจไทยก็คงหนีไม่พ้นเช่นกัน ทั้งภาคส่งออกและภาคผลิตน่าจะซวยพอตัวเพราะสถานการณ์เหล่านี้ ท่องเที่ยวเองก็ยังประมาทบ่ได้ เมื่อโลกมันแย่ก็คงฉุดกันแย่ไปตามๆ กัน