เศรษฐกิจไทยไบโพลาร์ ธุรกิจไหน “รุ่ง หรือ ร่วง”

เศรษฐกิจไทยไบโพลาร์ ธุรกิจไหน “รุ่ง หรือ ร่วง” #ความผันผวนเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ #ความใกล้ชิดเป็นเรื่องของเราสองคน
“เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีในปีนี้” เชื่อว่าหลายท่านทราบประเด็นนี้กันแล้ว ปัจจัยสนับสนุนหลักก็มาจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างโหด เสริมด้วยการลงทุนจากต่างประเทศที่คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง . อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยรอบนี้ เป็นการฟื้นท่ามกลางความเสี่ยงจำนวนมาก ประกอบด้วย • อเมริกาตัวตึงเรื่องนโยบายการเงิน ทำทุกทางคุมเงินเฟ้อ เล่นพิเรนอะไรขึ้นมาก็อาจซวยกันหมด • ญี่ปุ่น & ยุโรป ออดแอด กับวิกฤตพลังงานและค่าครองชีพที่โคตรสูง • จีนผู้เอาแน่ไม่ได้ แม้จะเปิดประเทศแล้ว แต่ถ้าพี่เค้าคิดจะทำไรเค้าก็จะทำ แบบไม่ปรึกษา ไม่สนสี่สนแปดใดๆ ทั้งนั้น แถมยังพ่วงด้วยปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอีก • ส่งออกจ๋อย ภาคส่งออกที่เป็นพระเอกตลอดกาลของไทยคาดว่าจะหดตัว 0.5% ในปีนี้ ตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการสินค้าลดลงตาม • การใช้จ่ายในประเทศฟื้นช้า เพราะปัจจุบันหนี้อ่วมกันอยู่แล้ว เลยต้องอยู่แบประครองตัวไปก่อน จะให้ห้าวซื้อของชิ้นใหญ่ หรือลงทุนอะไรคงต้อรออีกสักพัก . สรุปแล้ว “เศรษฐกิจไทยเหมือนเป็นไบโพลาร์” เลยนะฮะปีนี้ สามารถเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไป ได้ตลอดทั้งในเชิงบวกและลบ หัวจะปวด!! บอกเลย . ท่ามกลางความไบโพลาร์ของเศรษฐกิจดังกล่าว มันก็จะส่งผลให้เราได้เห็นทั้ง ภาคธุรกิจที่ดี แนวโน้มโดดเด่น และภาคธุรกิจที่แย่ มีแววซึมเศร้า ไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ ว่า . 3 ธุรกิจรุ่งปี 2566 ประกอบด้วย 1. ธุรกิจสุขภาพ กระแสความใส่ใจสุขภาพที่มากขึ้น ตามสภาพสังคมสูงอายุ และความเจ็บป่วยด้วยโรคใหม่ที่มีมากขึ้น คาดการณ์รายได้โรงพยาบาลเอกชนปีนี้เติบโต 6-8% 2. ธุรกิจสีเขียว (ESG) เช่น รถยนต์ไฟฟ้า / โซลาร์รูฟ / กิจการด้านคาร์บอน เครดิต / พลาสติกรีไซเคิล / อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้อยู่ที่ 30,000 คัน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 12,000 คัน 3. ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ขนส่ง ค้าปลีก จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัว คาดว่าปีนี้รายได้โรงแรมจะเติบโต 40% และรายได้ร้านอาหารเติบโต 7.4% จากปีก่อน . 3 ธุรกิจร่วงปี 2566 1. ธุรกิจสินเชื่อ-เงินกู้ หนี้ครัวเรือนที่สูง เกณฑ์ที่รัดกุม ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลกระทบต่อการก่อหนี้ใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง 2. ธุรกิจที่อยู่อาศัย-รถยนต์ การใช้จ่ายในสินค้ามูลค่าสูงมีความระมัดระวังมากขึ้น เป็นแรงกดดันยอดขายให้ชะลอ คาดว่าปีนี้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑลอาจหดตัว 4.8% จากปีก่อน 3. ธุรกิจส่งออกสินค้า ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก ทำให้ความต้องการสินค้าลดลง คาดว่ามูลค่าการส่งออกอาจหดตัว 0.5% จากปีก่อน . #เสี่ยวCREW ฝากสิ่งเหล่านี้ไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน ให้ติดตามดูกันสักนิดนะครับ มีหุ้นหลายตัวอยู่ในธุรกิจทั้งรุ่งและร่วง จะเข้าออกอะไรก็ตามเทรนด์สักนิด ชีวิตจะได้ไม่ต้องโอดครวญ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ https://www.kasikornbank.com/.../pages/sme2023.aspx...