เศรษฐกิจไทย อาการเป็นยังไงนะ?

เศรษฐกิจไทย อาการเป็นยังไงนะ? #ฟื้นเศรษฐกิจอาจเป็นเรื่องเพ้อแต่คิดถึงเธอเป็นเรื่องจริง
มีความหวังขึ้นมาหน่อยนะครับ สถานการณ์เริ่มดูดีขึ้น ยอดติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเริ่มชะลอลง / วัคซีนเข้ามาจำนวนมากขึ้น (อย่าให้ เละเทะ พลาดเป้าอย่างที่ผ่านมาล่ะกัน) . กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายประเภท ถูกอนุญาตให้ทยอยเปิดอีกครั้งในเดือน ก.ย. นี้ ดีใจด้วยนะครับกลับมาทำมาหากินกันได้เสียที . อย่างไรก็ตาม...คงดีใจมากไม่ได้ เรายังคงอยู่กับสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้าง “ซำเหมา” ตัวเลขหลายๆอย่างดูแล้วยังน่าเป็นห่วงหากไม่รีบลงมือกระตุ้นหรือทำอะไรสักอย่าง . - มูลค่าเศรษฐกิจไทย มิ.ย. 64 อยู่ที่ 15.98 ล้านล้านบาท ทำจุดต่ำสุดเมื่อมี.ค. 64 อยู่ที่ 15.61 ล้านล้านบาท - ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 มูลค่าเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 16.89 ล้านล้านบาท (ธ.ค.62) . - อัตราว่างงานไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 1.96% หรือ 7.32 แสนคน - ผู้เสมือนว่างงานไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 2.79 ล้านคน (มีงานทำน้อยกว่า 4 ชม./วัน-รายได้ลด) มีความเป็นไปได้สูงที่จะว่างงาน หากกิจการที่ทำอยู่นั้นแย่ลงหรือปิดกิจการ - เด็กจบใหม่ไม่มีงานทำ อยู่ที่ 2.9 แสนคน . - หนี้เสียไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 5.45 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.09% ใกล้เคียงไตรมาสแรก เนื่องจากมาตรการพักหนี้ ช่วยเหลือลูกหนี้รูปแบบต่างๆ และการผ่อนคลายเกณฑ์จัดชั้นหนี้ที่ช่วยชะลอไม่ให้กลายเป็นหนี้เสีย - หนี้เสียกลุ่มอุปโภคบริโภคครองแชมป์อยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท มากกว่าสินเชื่อทุกประเภท - หนี้ครัวเรือนเดินหน้าทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 14.2 ล้านล้านบาท 90% ของมูลค่าเศรษฐกิจ (รวมหนี้นอกระบบคงมากกว่า 120%) . ทั้งหมดนี้..เกิดก่อนการระบาดหนักของโควิด-19 รอบปัจจุบัน ไม่มีล็อกดาวน์-ปิดกิจการในพื้นที่ต่างๆ จนกิจการภาคธุรกิจต้องหยุดชะงักครั้งใหญ่ . จริงอยู่ที่ผ่านมามีมาตรการเยีวยาอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการเยียวยา การช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการ อย่างกระมิดกระเมี้ยน (ทีเอาเงินไปใช้ไร้สาระเต็มที่มากเลยนะครับ) . ไตรมาส 3 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ น่าจะ“วินาศสันตะโร”กว่าเดิม หากลองดูตัวเลขบางส่วนของเดือน ก.ค. 64 ก็จะพอเดาออกไม่ยากนัก อาทิ . - ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจด้านผลประกอบการ อยู่ที่ 35.8 - ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจด้านสภาพคล่อง อยู่ที่ 42.5 - ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 35.3 (ต่ำสุดในรอบ 22 ปี 10 เดือน) - ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม อยู่ที่ 40.9 (ต่ำสุดในรอบ 22 ปี 10 เดือน) - รายได้ภาคครัวเรือนปีนี้หดตัวประมาณ 1 ล้านล้านบาท (ปีหน้าคาดหดตัว 8 แสนล้านบาท) . ตัวเลขเหล่านี้กำลังชี้ให้เห็นความ “สาหัส” ฐานรากระบบเศรษฐกิจกำลังไม่ไหว ปล่อยนานกว่านี้อาการยิ่งหนักพร้อมตายได้ทุกเมื่อ . หากเป็นเช่นนั้นก็คงฉุดระบบการเงินของประเทศที่ว่าแข็งแกร่ง ให้มีอันเซซังตามไปด้วย . เอาจริงๆเรื่องนี้ก็น่าจะรู้กันทั่ว นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน ผู้บริหารภาคเอกชน ไปยันผู้ว่าแบงก์ชาติ พูดแล้วพูดอีก แนะแล้วแนะอีก ว่า ควรแก้อย่างไร เร่งตรงไหน ซึ่งทุกท่านที่ออกมาพูดล้วนออกตัวแรงกันทั้งนั้น . สถาบันต่างชาติเองยังออกโรงเตือนว่า ไทยจะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช้าที่สุดในอาเซียน เพราะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจต่อเนื่อง . ภาพตัดมาที่ “ทีมเศรษฐกิจ” เงียบกริ๊บ!!จนน่าตกใจ ยังมีอยู่ไหม? ไม่ดำเนินการใดๆ . ล่าสุดที่โผล่ออกมาก็เพ้อไปว่า ปีหน้าเศรษฐกิจจะโต จะเปิดท่องเที่ยว จะช่วยเอสเอ็มอี (แก้หนี้ด้วยการก่อหนี้เพิ่ม) ระบบการเงินไทยแข็งแกร่ง รัฐจะทุ่มเต็มที่ ทำทุกทาง . เหลืออีกหลายเดือนเลยนะครับกว่าจะหมดปี 64 คนที่กำลังแย่คงอยากรู้ว่าจะผ่านปีนี้ไปอย่างไร ? . คงอยากเห็นทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเยียวยาการทำมาหากิน-ความเป็นอยู่ . รวมทั้งสร้างระบบการจัดการ การรักษา ควบคุมโควิด-19 ในช่วงต่อจากนี้อย่างเป็นรูปธรรม หาใช่คำพูดอันสวยหรู . เข็ดได้แล้วครับกับกับวิถีเดิมๆ ปี 63 เคยเชื่อมั่นกันมาแล้วว่า ครึ่งหลังปีนี้เห็นสัญญาณ ฟื้น!! แต่ตอนนี้กลับเละไม่เป็นท่า . เพราะความประมาท ความล่าช้า และการดำเนินงานห่วยแตกของรัฐ . ดังนั้นไม่ต้องดัดจริตพูดให้ดูดีหรอกครับ เอาเรื่องจริง ประมาณการจริง แล้วทำงานจริงๆแบบไม่ต้องโลกสวย . คนเค้ารู้กันทั่วว่ามันแย่แค่ไหน เพราะเผชิญมันอยู่ทุกลมหายใจ
ขอบคุณภาพต้นฉบับ https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_4287208