ECF ไม่น่ารักหรือเปล่า?

ECF ไม่น่ารักหรือเปล่า? #สาระในวงเหล้า #ถึงธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะดูดีแค่ไหนแต่ดูยังไงก็สู้คุณไม่ได้สักที
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ECF” (บมจ. อีสโคสต์ เฟอร์นิเทค) เคยเป็นหุ้นขวัญใจคนเชียร์ ขาซิ่ง อาจารย์ นักวิเคราะห์ มากมายเลยนะครับ . ช่วงนั้น ทำอะไรก็ดูดี ขยับตัวทีก็ดูใช่!! มีข่าวขยายธุรกิจจากผลิต-จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกและขายในประเทศไปสู่กิจการอื่นๆที่ข้ามสายพันธุ์อยู่เพียบ อาทิ โรงไฟฟ้า / ร้านค้าปลีก / ไอที / โรงเรียนดนตรี และอื่นๆที่ยังไม่เปิดเผย . ราคาหุ้นก็เลยสะท้อน ความหล่อ ผสานแรงเชียร์มาเรื่อยๆ จนทะลุ 5 บาทเมื่อเดือน ก.ย. 60 (ก่อนหน้านั้นเคยขึ้นไปสูงสุดแถวๆ 7 บาท แล้วป้วนเปี้ยนแถวๆ 5 บาทอยู่นาน) และวิ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 9.35 ในเดือน ต.ค.60 . หลังจากนั้นราคาทยอยลดลงอยู่ในกรอบ 5-7.5 บาทอยู่เป็นปี ทะลุ 8 บาทอีกครั้งเมื่อ ส.ค.61 ก่อนขึ้นไปใกล้ไฮเดิมที่ 9.2 บาท เมื่อ ต.ค.61 (อารมณ์แบบมีข่าวขยายอะไรเพิ่มก็เชียร์กันพรึ่บ ราคาก็วิ่งมาพั่บ) ก่อนจะลงมาเทรดที่ 5-7 บาทอีกรอบช่วงเดือน พ.ย.61 . แต่แล้ว..จุดพีคก็มาเกิดขึ้นช่วงกลางเดือน ธ.ค. ปีเดียวกัน บร๊ะ!! ดิ่งฟลอร์ 2 วันติด . จากราคาปิด 13 ธ.ค.61 ที่ 5.45 บาท ลงไปต่ำสุดถึง 2.68 บาท และเกือบฟลอร์อีกรอบ ในวันที่ 20 ธ.ค.61 โดยลดลงถึง 23% ปิดตลาดที่ 2.20 บาท จากปัญหาและเงื่อนงำซัมติงรอง . ประการสำคัญกว่า คือ พื้นฐานกิจการ งบการเงิน ความสามารถทำกำไรช่วงนั้น ไม่ได้รองรับราคาหุ้นและพี/อี ที่สูงเสียดฟ้า (เทรดกันร้อยกว่าเท่า) แต่อย่างใด . มีแต่ “จะทำ” (ซึ่งแปลว่ายังไม่ได้ทำ) ผลักดันราคาไปตามความคาดหวังเท่านั้น ตัดภาพมาที่คนเชียร์สักนิด แยกย้ายสลายโต๋..เงียบกริ๊บบบ!! . จากนั้น...ราคาก็ลดลงต่อเนื่อง กลายเป็นหุ้นที่เทรดอยู่ไม่เกิน 2-3 บาทตลอดปี 62 แถมยังหลุด 2 บาทช่วง ธ.ค.62 อีกยาวเลย . ตลอดปี 63 เทรดไม่เกิน 2 บาท ลงไปต่ำสุด 0.94 บาท เมื่อ 24 มี.ค.63 และค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาตามพื้นฐานกิจการที่แท้จริง ล่าสุดอยู่ที่ 1.8 บาทกว่าๆ . คิดภาพตามแล้วก็อื้อหือออนะครับ จากหุ้น 9 บาทกว่าอนาคตแสนสดใส กลายเป็นหุ้นไม่เต็มบาท ที่เต็มไปด้วยมรสุมชีวิต แถมกระหน่ำด้วยวิกฤตโควิด-19 . แต่นั่นแหล่ะครับ “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด ทำธุรกิจธุรกิจพาไปหาผล” . งานนี้ยังดีตรงที่ ผู้บริหาร ECF แก้เกมส์ได้ค่อนข้างรวดเร็ว เบรคการขยายธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง พิจารณาดีลอย่างรัดกุมมากขึ้น . หันกลับมาจริงจัง โฟกัสกับธุรกิจหลักเฟอร์นิเจอร์ จนผลงานเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3/63 . เริ่มจากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหาร การขาย ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เกิด Output มากขึ้น . ผลที่ได้จัดว่าเวิร์คอยู่ครับ ฐานลูกค้าต่างประเทศขยายออกไปทั้งปริมาณและจำนวนคู่ค้าในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน จนวันนี้โรงงานแทบแตก ที่สำคัญกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง . ผลประกอบการครึ่งแรกปี 64 มีรายได้ 814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 97% จากปีก่อน และคิดเป็น 73% ของกำไรทั้งปี 63 ที่ทำได้ 41 ล้านบาท . แนวโน้มครึ่งปีหลัง ผู้บอฯคาดว่า จะเติบโตได้อีกเพราะเข้าไฮซีซั่น แถมเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทำให้ออเดอร์ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น . รวมถึงได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนตัวด้วย และบริษัทยังมีแผนเปิดแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ออนไลน์ ทำการตลาด ขายเฟอร์นิเจอร์ อย่างจริงจังแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน . ส่วนโรงไฟฟ้าที่มินบู ตอนนี้ ECF ก็ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเฟสแรกอยู่ คาดว่าปีนี้อยู่ที่ประมาณ 32 ล้านบาท (ECF ถือหุ้น 20%) ส่วนเฟส 2 ไม่รู้คลอดเมื่อไหร่ เพราะร้าบานทหารทำประเทศเละเทะอยู่ . คงต้องติดตามกันต่อไปแหล่ะครับ ต่อจากนี้ ECF จะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน อย่าลืมว่าไตรมาส 3 โควิด-19 กลับมากระหน่ำ . ออร์เดอร์ต่างประเทศอาจไม่ชะลอ แต่มาตรการควบคุมในประเทศเรา อาจมีผลกับการผลิตและส่งสินค้า . แต่ถ้าผู้บอฯมีแผนตีตื้นรอไว้แล้ว ปิดปีนี้ก็คงได้เห็นกำไรหล่อๆ กระแสเงินสดเยอะๆ และกลายเป็น “หุ้นที่มีกำไรของกิจการเป็นเจ้ามือ” ในไม่ช้า