SET100 ระเนระนาดเกือบยกแผง ตลาดหุ้นไทย 9 เดือนทรุด 10.28%

SET100 ระเนระนาดเกือบยกแผง ตลาดหุ้นไทย 9 เดือนทรุด 10.28% #เล่นหุ้นก็ไม่กำไรคนดูแลหัวใจก็ไม่มี
ตลาดหุ้นไทยปี 2566 ผ่านไป 9 เดือน (ข้อมูลถึง 27 ก.ย.) ปรากฏว่าดัชนี SET Index ปรับตัวลดลงถึง 171.51 จุด หรือ -10.28% จากปีก่อน โดยล่าสุดปิด 1,497.15 จุด . มูลค่าการซื้อขายก็ต่ำสุดในรอบ 4 ปี อยู่ที่เพียงเฉลี่ย 5.36 หมื่นล้านบาท/วันเท่านั้น ที่เป็นแบบนี้เพราะโดนปัจจัยลบรุมเร้าทั้งภายในและภายนอก เริ่มจากการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อและกว่าจะลงตัว ทำให้การดำเนินนโยบาย ไปยันการทำธุรกิจหยุดชะงัก . แถมนโยบายรัฐบาลใหม่ ก็ทำท่าจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เช่น แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ตลาดฯ คาดการณ์ว่าจะสร้างหนี้มหาศาล . ซ้ำร้ายด้วยระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในขาขึ้นยาวนาน และยังไม่มีทีท่าจะลดลง ทำให้กระแสเงินลงทุนไหลออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยง พุ่งหาพันธบัตรที่ผลตอบแทนสูงและความเสี่ยงต่ำกว่า . สะท้อนจากมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ต้นปีถึง 27 ก.ย. (YTD) ขายหุ้นไทยไปถึง 1.56 แสนล้านบาท ต่างจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ซื้อสุทธิ 1.54 แสนล้านบาท ที่สำคัญคือ ขายต่อเนื่องมา 8 เดือนติดแล้วเด้ออ . ผลที่เกิดขึ้น คือ หุ้นขนาดใหญ่ใน SET100 ตายเรียบ!!! . จากการสำรวจข้อมูลล่าสุดของ #เสี่ยวCREW พบว่า 9 เดือนที่ผ่านมาผลตอบแทนราคาหุ้นใน SET100 มีถึง 80 บริษัทที่ราคาอยู่ในแดนลบตั้งแต่ 0.57 - 48.87% โดย 61 บริษัทติดลบมากกว่าตลาดฯ หรือ มากกว่า 10.28% . และมีถึง 38 บริษัทราคาติดลบเกิน 20% กลุ่มพลังงานติดโผมากสุด จำนวน 18 บริษัท รองลงมาคือ กลุ่มค้าปลีก และ เงินทุน/หลักทรัพย์ จำนวน 8 บริษัทเท่ากัน . ส่วนฝั่งแดนบวก มีเพียง 18 บริษัทเท่านั้น โดยราคาหุ้นปีนี้ให้ผลตอบแทน 0.56 - 32.35% กระจายในหลายกลุ่มธุรกิจ ที่ติดโผมากหน่อย คือ อสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ จำนวน 4 บริษัทเท่ากัน ซึ่งหลายบริษัทมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จึงไม่ถูกเทเหมือนกลุ่มข้างต้น . อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินไว้ตรงกันว่า “ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย” จากปัจจัยลบข้างต้นที่กล่าวไปแล้ว แต่ระยะกลาง-ยาวยังดูดีมีอนาคต ที่แน่ๆ ดีกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาค . ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยหยุดขึ้นเมื่อไหร่ รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มเห็นดอกผล เม็ดเงินจะไหลกลับเข้าหุ้นไทยแน่นอน และหุ้นใน SET100 จะเป็นเป้าหมายหลัก . การที่หุ้นใหญ่เหล่านี้ราคาปรับตัวลดลง อาจจะทำให้มีอัปไซด์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับราคาเหมาะสม และน่าจะเป็นโอกาสในการช้อปของดีราคาถูก (หรือเปล่า ?) ยังไงก็ลองไปศึกษาข้อมูลและประเมินมูลค่าหุ้น รวมถึงแนวโน้มธุรกิจ กันให้ดีแล้วกันน้า............. . ใครพร้อมและจิตแข็ง ก็ขอให้ยกมือขึ้นนน !! ขอให้โชคดีมีกำไรครับ

