What’s up? หุ้นค้าปลีก

What’s up? หุ้นค้าปลีก #กำลังซื้อตอนนี้อาจเงียบเหงาแต่เธอจะไม่เหงาถ้ามีเราอยู่ข้างๆ “เศรษฐกิจไทยสดใส คนจนกำลังจะหมดประเทศ” วาทะผู้นำเมื่อกาลครั้งหนึ่งภาพตัดมาปัจจุบันผ่านครึ่งปีแรกไปเรียบร้อยแล้วฮะ ปรากฎว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัวโคตรชัดเจนระดับ Super Full HD เลยเชียว อีนี่ไม่ได้มั่วเอง ไม่ได้อยากเขียนไรก็เขียน ไม่นานนี้หน่วยงานพยากรณ์เศรษฐกิจระดับประเทศหลายแห่งก็เห็นตรงกัน พร้อมใจออกมาปรับลดประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) กันถ้วนหน้า
#เสี่ยวพยากรณ์ มีความเห็นว่า ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยที่หดตัวมีผลเชื่อมโยงมายังกำลังซื้อของประชาชนทั่วไปให้หดตัวเช่นกัน (ผู้บริโภคอย่างผมกระทบก่อนเค้าปรับ GDP อีก!! เป็นผู้นำเทรนด์ฮะ พวกนี้ปรับทีหลังจัดว่าเชย 555) เลี่ยงไม่ได้ที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกจะได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะต้องพึ่งพิงกำลังซื้อประชาชนระดับกลางล่าง
นักวิเคราะห์หลายสำนักฝากความหวังของหุ้นกลุ่มค้าปลีกไว้กับโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้กลางเดือน 7 แล้วจ้าาา ยังไม่มีไรเป็นชิ้นเป็นอันอีกแพบบก็หมดปีแล้วเด้อ นโยบายกระตุ้น “ก็ยังไม่มา” ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อการปรับลดประมาณการกำไรหุ้นกลุ่มค้าปลีกในครึ่งปีหลังได้เช่นกัน
นอกจากนี้วงจรของธุรกิจค้าปลีก ยอดขายจะพีคในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 2 และ ไตรมาส 4 เพราะมีวันหยุดยาว เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวแต่ในไตรมาส 1 และ ไตรมาส 3 จะเป็นโลว์ซีซั่น ซึ่งถ้าหากความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังชะลอตัวต่อเนื่อง, ราคาสินค้าตกต่ำ,หนี้ภาคครัวเรือนซ้ำเติม ขาดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานล่างจากรัฐบาล คงต้องมานั่งลุ้นกันว่าธุรกิจค้าปลีกจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ตามเป้าหมาย ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เป็นเชิงลบได้อย่างไร
ทีนี้เรามาดูความเห็นจากบทวิจัยจากฝั่งโบรกกเอร์กันบ้างดีฝ่า จะได้มีข้อมูลที่มากพอ (ไม่มองในแง่ร้ายอย่างเดียวเนาะ)
บทวิจัยบล.หยวนต้า มีมุมมองเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มค้าปลีก เพราะเชื่อว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส2ปีนี้มีโอกาสเป็นบวกจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ซึ่งเป็นอัตราส่วนสำคัญที่ใช้วัดศักยภาพของธุรกิจค้าปลีกยังสามารถเติบโตได้และในครึ่งปีหลังมีปัจจัยสนับนุนจากความเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิมีผลต่อกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
BJC / CPALL / HMPRO เป็นดาวเด่นของกลุ่ม
CPALL ให้ราคาเหมาะสม 90 บาท จากจุดเด่นคือแผนขยายสาขาต่อเนื่อง 700 แห่ง/ปี มีสาขาอยู่กว่า 11,000 สาขาสร้างโอกาสต่อยอดรายได้จากค่าบริการต่างๆเพิ่มขึ้น BJC ราคาเหมาะสม 73 บาท
คาดผลประกอบการครึ่งปีหลังมีแรงสนับสนุนจากกลุ่มลูกค้าใหม่ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ แผนการขยายตัวในอนาคตไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และ HMPRO จากการฟื้นตัวของ SSSG คาดไตรมาส2 มีโอกาสเป็นบวกราว 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน (Y/Y)
บทวิจัยบล.เอเซีย พลัส ประเมินว่านโยบายกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือน ผ่านการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนจะเป็นนโยบายอย่างแรกที่เริ่มดำเนิน การเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ หากเทียบกับรูปแบบที่เคยเกิดขึ้น เช่น มาตรการช้อปช่วยชาติ หรืออัดฉีดเงิน 1,500 บาท/ราย ส่งผลดีต่อหุ้นค้าปลีกที่คาดว่าจะมีรายได้จากสาขาเพิ่มขึ้น
กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากนโยบายภาครัฐ แบ่งเป็น ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าเฉพาะทางคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการช้อปช่วยชาติสูง ห้างสรรพสินค้าที่โดดเด่น ได้แก่ ROBINS และ HMPRO
ฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายได้ปานกลาง และจำหน่ายสินค้าชิ้นใหญ่ร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าส่ง ได้แก่ CPALL
จากจุดเด่นที่มีสาขาครอบคลุม มีสินค้าหลากหลาย และ BJC คาดได้อานิสงส์จากเงินสะพัดในระบบส่วนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เช่น COM7 BEAUTY ยังมีแรงกดดันจากภาพรวมอุตสาหกรรมเข้ามากระทบ

