top of page

ทำไง!! "บัตรเดบิต/เครดิต" โดนตัดเงินผิดปกติ



ทำไง!! "บัตรเดบิต/เครดิต" โดนตัดเงินผิดปกติ #ไม่คิดเป็นโจรปล้นเงินใครเพราะอยากเป็นแค่โจรปล้นใจเธอ

รีบเชคบัญชีเงินฝากและรายการใช้จ่ายบัตรเครดิต ด่วนครับทุกคน!!! เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยรายงาน ว่า ตั้งแต่ 1-17 ต.ค.ที่ผ่านมา มีธุรกิจตัดบัญชีผิดปกติถึง 1.07 หมื่นรายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 130 ล้านบาท แบ่งเป็นบัตรเครดิต 100 ล้านบาท และ บัตรเดบิต 30 ล้านบาท . รายการที่เกิดขึ้นเป็นธุรกรรมจากร้านค้าในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และเป็นธุรกรรมที่ไม่ใช้รหัสยืนยัน OTP โดยมูลค่ารายการขนาดเล็กเฉลี่ย 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ . ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่การรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เกิดจากกลุ่มมิจฉาชีพใช้เทคโนโลยี AI ในการสุ่มตัวเลขหน้าบัตร 12 หลัก โดยใช้ตัวเลข 6 หลักแรกที่เป็นการบอกธนาคารผู้ออกบัตร (bill number) และสุ่มตัวเลข 6 หลักหลัง เพื่อสุ่มทดลองการทำธุรกรรมวงเงินขนาดเล็ก . รวมถึงอาจเกิดจากการผูกบัญชีบัตรเครดิต หรือเดบิตไว้กับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ หรือบัญชีโฆษณาใน Facebook ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจจะหลุดรั่วออกไป เช่น เลขที่บัตร และ เลขหลังบัตร (CCV) . วิธีการป้องกันที่ทำได้ตอนนี้ คือ ยกเลิกการผูกบัตรกับร้านค้าออนไลน์ และปรับวงเงินการทำธุรกรรม รวมถึงกำหนดให้มีการใช้ OTP ในการทำธุรกรรมทุกครั้ง . ส่วนผู้ที่ถูกตัดรายการแบบผิดปกติไปแล้ว ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องรีบไปถอนเงินออก เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย เขามีการคุ้มครองเงินฝากของท่านอยู่แล้ว . วิธีการคือแจ้งความผิดปกติผ่านคอลเซ็นเตอร์ได้เลย และธนาคารจะเร่งดำเนินการคืนเงินให้ภายใน 5 วัน ส่วนบัตรเครดิต จะเปิดบัตรใหม่ให้กับลูกค้าโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ . ย้ำนะครับ ไม่ต้องตกใจตื่นตูมไปถอนเงินสดมากอดไว้ เพราะอาจจะเป็นอันตรายยิ่งกว่า โดยเฉพาะคนที่มีเงินมากๆ อาจจะหายได้โดยอุบัติเหตุหรือตั้งใจ หึหึ . ธนาคารมีระบบคุ้มครองเงินฝากของท่านอยู่แล้ว หากรายการผิดปกติจะเร่งดำเนินการคืนเงินให้ อาจจะช้าหน่อย แต่ได้ชัวร์ . ส่วนแนวทางป้องกันในอนาคต เหมือนที่กล่าวไปข้างต้น หมั่นตรวจเชคธุรกรรมการเงินออนไลน์ / ตรวจสอบความเคลื่อนไหวการใช้จ่ายเสมอ (ยิ่งถ้าทำบัญชีรับ-จ่ายส่วนตัวจะป้องกันปัญหาธุรกรรมผิดปกติได้ดี เพราะจะรู้ว่าอะไรใช่ ไม่ใช่) / อย่าผูกบัตรเครดิต/เดบิต ไว้กับร้านค้าออนไลน์ที่ไม่มีระบบ OTP และ ควรแยกบัญชีหลัก กับ บัญชีธุรกรรมออนไลน์ ออกจากกัน เพื่อลดความเสี่ยง . ย้ำ!!!ว่าอย่าละเลยเป็นอันขาด ยุคนี้ข้าวยากหมากแพง เงินทองหายาก มิจฉาชีพมากมาย เชื่อเถอะในอนาคตอันใกล้ อีมิจฉาชีพพวกนี้จะต้องมีวิธีการใหม่ๆ มาหยองเงินเราอีกเป็นแน่แท้ ดังนั้นต้องระมัดระวังให้มากขึ้นนะครับ ด้วยความปารถนาดีจาก #เสี่ยวCREW

6 views0 comments
bottom of page