ฝรั่งพาหุ้นไทยซิ่งทะลุ 1,700 จุด ระยะสั้นจ่อพักฐาน – ระยะยาวลุ้นทำนิวไฮ
หุ้นไทยต้นปีนี้เหวี่ยงเป็นลูกตุ้มเลย เพราะเริ่มมาด้วยความร้อนแรง 1-2 สัปดาห์แรก ก่อนปรับตัวลดลงเกือบหลุด 1,600 จุด ช่วงปลายเดือน ม.ค. แต่ก็ไหลขึ้นต่อเนื่องถึง 9 วันทำการ และทำนิวไฮได้รอบกว่า 2 ปีที่ระดับ 1,708.03 จุด เมื่อ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา . ปัจจัยสำคัญมาจากแรงซื้อของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่ไหลเข้าอย่างบ้าคลั่งราวกลัวตกรถ จนสุทธิตั้งแต่ต้นปีถึง 9 ก.พ.65 (YTD) อยู่ที่ระดับ 4.37 หมื่นล้านบาท ครั้งสุดท้ายที่ซื้อสูงระดับนี้ต้องย้อนกลับไปเป็นปีๆ เลย . #เสี่ยวCREW ได้สอบถามไปยังบรรดากูรูแห่งวงการตลาดหุ้นไทย ว่า คิดเห็นอย่างไรกับการปรับขึ้นมารอบนี้... . "ไพบูลย์ นลินทรางกูร" ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีนี้เข้าสู่ภาวะ Outperfrom เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะโอกาสเติบโตจากภาคการท่องเที่ยว หลังจากเริ่มเปิด Test and Go อีกครั้ง และตลาดหุ้นอื่นในประเทศพัฒนาแล้วก็ปรับขึ้นไปค่อนข้างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา . คาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยไว้ที่ 1,800 จุด ซึ่งน่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ภายใต้เงื่อนไขนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้มีการเติบโตได้ 4% . ขณะที่เม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาแล้วประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับเงินบาทที่เริ่มแข็งค่าขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติเริ่มเห็นตลาดหุ้นไทยเป็นหลุมหลบภัยที่ดี เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยคาดว่าเม็ดเงินต่างชาติจะไหลเข้าหุ้นไทยกว่าแสนล้านบาท . "กิจพล ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หลังดัชนีหุ้นไทยทะลุ 1,700 จุด ระยะสั้นอาจจะมีแรงขายทำกำไรบ้าง และดัชนีจะปรับฐาน เพื่อยกฐานใหม่ โดยกรอบการซื้อขายจะอยู่บริเวณ 1,690 - 1,740 จุด . ด้านฟันด์โฟลว์มีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจอาเซียนมีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นในช่วงปี 65 - 66 เพราะที่ผ่านมาอาเซียนได้รับผลกระทบจากโควิดมาก ทั้งธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว ทำให้มีโมเมนตั้มการเติบโตจากฐานที่ต่ำมาก . "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระยะสั้นหุ้นไทยอาจจะพักฐาน หลังขึ้นมาถึงระดับ 1,700 จุด โดยเป็นระยะที่รอคอนเฟิร์มเงินเฟ้อสหรัฐ รวมถึงสถานการณ์โควิด และความคืบหน้าเรื่องการเมือง แต่ระยะกลางไปต่อได้ถึง 1,730 จุด ส่วนสิ้นปีมองไปถึง 1,810 จุด กรณีที่ดีที่สุดอาจถึง 1,860 จุด . ขณะที่ ฟันด์โฟลว์มีโอกาสไหลเข้าต่อ เพราะสถานะการถือครองหุ้นของต่างชาติในบ้านเรายังต่ำกว่าปกติมากเพียง 21% เทียบกับจุดสูงสุดที่ 30% ขณะเดียวกันโครงสร้างตลาดหุ้นไทย 2 ใน 3 เป็นหุ้น Commodity + Old Economy ซึ่งอยู่ในกระแสการลงทุนตอนนี้ และ EPS Growth และ GDP Growth ของไทยอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว . "กรภัทร วรเชษฐ์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าเร็วเกินคาด จากเดิมคาดปีนี้จะเข้ากว่า 5 หมื่นล้านบาท อาจจะเกิดจากโครงสร้างตลาด Valuation ไม่แพง ซึ่งมีโอกาสเข้าอย่างต่อเนื่องช่วงที่เหลือของปี แต่ระหว่างทางขึ้นอยู่กับทิศทางการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐ ส่งผลให้สะดุดไปได้บ้าง มองกรอบ 1,707 - 1,712 จุด แนวรับที่ 1,690 จุด . กลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่แนะนำเหมือนกัน คือ ให้ Hold พอร์ตไว้เท่าเดิม ยังไม่ต้องปรับเพิ่ม แม้ดัชนีจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องก็ตาม ซึ่งเน้นหุ้นไทยที่ราว 60-65% แต่ให้ปรับการลงทุนไปหาหุ้นที่ราคายัง Laggard แทน ซึ่งอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะเป็นเป้าหมายลงทุนต่างชาติ และที่ผ่านมาปรับขึ้นไม่มาก . เช่น กลุ่มการเงิน, ธนาคารพาณิชย์, ค้าปลีก, โรงพยาบาล, รับเหมาก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร โดยมองว่าหุ้น กลาง-เล็ก ที่ปรับขึ้นมากก่อนหน้านี้อาจจะมีแรงขายทำกำไรได้ . สุดท้ายนี้..ไม่ว่าจะลงทุนหุ้นกลุ่มไหน ก็คงต้องศึกษารายละเอียดพื้นฐานของบริษัทและแนวโน้มการเติบโตอย่างถี่ถ้วนเสมอครับ ที่สำคัญราคาที่ซื้อต้องเหมาะสมและไม่แพงเกินไป เพราะหากเรามีต้นทุนที่ดี จะปลอดภัยเสมอไม่ว่าหุ้นไทยโดยรวมจะขึ้นหรือลง...