top of page

ส่องสภาพหุ้นเมกา อนาคต "จึ้ง" แค่ไหน !!



ส่องสภาพหุ้นเมกา อนาคต "จึ้ง" แค่ไหน !! #หุ้นเมกาอาจมีการเปลี่ยนแปลง #แต่มีเราเป็นแฟนจะไม่เปลี่ยนใจ

ย้อนไปดูผลตอบแทนกองทุนรวมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน #เสี่ยวCREW พบว่ากองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ “ปัง” ใช้ได้เลยทีเดียวครับ ผลตอบแทนดีเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับกองทุนรวมประเภทอื่น โดย 5 อันดับแรกสร้างผลตอบแทน 29% - 40% กว่ากันเลยทีเดียว . ทั้งๆที่ในปี 65 นักลงทุนค่อนข้างนอยด์ กับภาวะการเร่งตัวของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากปลายปีทุบสถิติสูงสุดรอบเกือบ 40 ปี จนกลายเป็นตัวชี้วัดให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาด และทำให้สินทรัพย์การลงทุนทั่วโลกปรับฐานไปตามๆกัน . แต่หากมองในภาพใหญ่ย้อนอดีตไป 51 ปี ผ่านข้อมูลงานวิจัยจาก "Morgan Stanley Capital International" ได้รวบรวมดัชนีหุ้นหลายๆประเทศย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 1970 จนถึงปัจจุบัน (พฤศจิกายน 2021) พบว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯยังสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี เป็นอันดับที่ 5 เฉลี่ยบวกเกือบ 10% จากทั้งหมด 18 ประเทศ ซึ่งดีกว่าตลาดหุ้นของประเทศใหญ่ๆอย่างเยอรมนี ญี่ปุ่น และอังกฤษ . และเมื่อลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ปี 1970-1995 และปี 1996-ปัจจุบัน จะพบว่า หลังจากในช่วงปี 1970 ช่วงที่สหรัฐฯประสบภาวะ Stagflation หรือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น และเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูง กระทบไปยังประเทศอื่นทั่วโลก หลังจากนั้นสหรัฐฯก็ฟื้นตัวกลับมาได้อีกครั้ง น่าจะเป็นผลจากการที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน . ขณะที่ประเทศยุโรปและญี่ปุ่นยังประสบปัญหาซบเซาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเหลือเพียง 4% เมื่อเทียบกับการวัดระยะยาวที่ได้ถึง 8% ตามหลังตลาดหุ้นของญี่ปุ่นและอังกฤษ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯช่วงนั้น อยู่ในภาวะซบเซาเหมือนกับตลาดหุ้นอื่นของประเทศพัฒนาแล้ว . แต่หลังจากปี 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็น "Great Bull Market" ตลาดหุ้นสหรัฐฯสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างมาก โดยเป็นรองแค่ตลาดหุ้นเดนมาร์กและสวีเดน แต่เอาชนะคู่แข่งอย่างเยอรมนี อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน . ส่วนแนวโน้มในอนาคตแรงขับเคลื่อนความสำเร็จของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมาจาก “หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี” ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ทำได้ดีมากในช่วงปี 1990 ก่อนจะซบเซาลง แล้วปรับตัวดีขึ้นอีกครั้งหลังปี 2008 เป็นช่วง Global financial crisis ทั้งนี้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในเทคโนโลยีในสหรัฐฯนับว่ามีมูลค่ามหาศาลมาก . และเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงได้สูงถึงเฉลี่ย 10.5% ต่อปี ดังนั้นหากไม่นับรวมผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มนี้ การเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยรวมก็คงไม่สูงมาก อนาคตคงต้องติดตามว่าความสำเร็จของประเทศสหรัฐฯ ที่ขึ้นอยู่กับอนาคตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จะสามารถทำได้ดีและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ??

6 views0 comments
bottom of page