top of page

หุ้นเล็ก เนื้อตัวดี!! (EP1 WICE APCO)



หุ้นเล็ก เนื้อตัวดี!! (EP1 WICE APCO)


หุ้นไทยแตะ 1,300 จุดแล้วเหวยยย

อย่างเพิ่งย่ามใจกันไป พ.ค. อาจเป็นเดือนที่เหล่าคนเชียร์ได้ใช้วลีเด็ด!!

“ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง” กันอย่างแพร่หลาย

เพราะผลประกอบการไตรมาสแรกของหลายบริษัทน่าจะร่วงจากพิษไวรัส

แล้วก็พาให้เกิดการแห่ขาย ก็วัฏจักรปกติของตลาดหุ้น

ดังนั้นก็อย่าไปซื้อตัวที่มันมีแววว่างบจะไม่ดี

คนมีสิทธิ์เลือกอย่างเรา ต้องถูกและดีเท่านั้น จึงคู่ควร

#เสี่ยวCREWเหลือบเห็นหุ้นเล็กหลายตัวทรงดี โตสวนกระแส มาดูกันหน่อยดีจริงไหม (ตอนแรก)


1. บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE)

ไม่ต้องเหลาเยอะชื่อบอกอยู่แล้วทำโลจิสติกส์ ไม่ได้ขายหน้ากาก!! อิอิ

ตอนนี้ส่งออกไม่ดีโลจิสติกส์ก็แย่ตามไหม ? “ไม่ต้องห่วง WICE” ในประเด็นนี้

เพราะฐานการให้บริการไม่ได้เน้นในประเทศเป็นหลัก มีการขยายบริการไปตั้งบริษัทย่อยในเมืองการค้าสำคัญของเอเชียมาพักใหญ่แล้ว ประกอบด้วย สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน ซึ่งบริษัทเข้าไปขยายเครือข่ายในเมืองหลักๆไว้ 3 แห่ง เซียงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น


แต่...จีนก็แย่เพราะโควิด-19 ไม่ใช่หรอ ?

ก็สะดุดไปช่วงหนึ่งแหละ แล้วเกมส์ก็ดันพลิกเพราะพี่จีนคุมไว ทำให้บริษัทมีโอกาสรับงานโลจิสติกส์ในจีนเพิ่มขึ้น มีวอลุ่มการส่งออกสินค้าจากประเทศจีนตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แม้จะมีข้อจำกัดด้านการขนส่งบ้าง เช่น รถขนส่งรอผ่านด่านใช้เวลาเพิ่มขึ้น สนามบินปิด รอบไฟท์บินลดลง และต้นทุนการขนส่งผันผวนกว่าปกติ แต่บริษัทมองวิกฤตนี้เป็นโอกาส เพราะผู้ประกอบการโลจิสติกส์บางรายในจีนไม่สามารถรับงานได้


“คนอื่นปิดแต่ WICE เปิดจ้า” งานจากลูกค้าใหม่ในจีนเลยเพิ่มมาอีกเพียบ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิม 26%


ส่วนธุรกิจน้องใหม่ให้บริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน(Cross - Border Transport Services) ผ่านบริษัทในเครือที่ชื่อ EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL) ซึ่งเคยฉุดกำไรของบริษัท ปีนี้น่าจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไป จะพลิกกลับมาทำกำไร เนื่องจากความต้องการใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น เพิ่มปริมาณสินค้าเที่ยวขากลับมากขึ้น ขยายการให้บริการขนส่งสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง บริหารจัดการลดต้นทุนทุกส่วน และได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง 30-40% ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของ Cross Border


นอกจากนี้ยังมีแผนการขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตดีในประเทศ หรืออุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงค์จากนโยบายภาครัฐ อาทิ อุตสาหกรรมการบิน(Aerospace) สินค้านำเข้าธุรกิจค้าปลีก (Retail Market) เนื่องจากบริษัทเห็นความต้องการใช้บริการโลจิสติกส์ของอุตสอาหกรรมดังกล่าวมีปริมาณสูง จึงวางแนวทางเข้าไปรับงานขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสใหม่และรายได้ให้กับธุรกิจ


ปี 63 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตประมาณ 20% อัตรากำไรขั้นต้นจะกลับสู่ภาวะปกติที่ระดับ 20%


สำหรับผลประกอบการ ย้อนหลัง 3 ปี ( ปี 2560-2562 )

ปี 2560 กำไรสุทธิ 89.70 ล้านบาท

ปี 2561 กำไรสุทธิ 96.19 ล้านบาท

ปี 2562 กำไรสุทธิ 61.97 ล้านบาท


ราคาหุ้นปัจจุบัน (30 เม.ย.63) ปิดที่ 2.20 บาท / Market cap 1,447.22 ล้านบาท /อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 23.35 เท่า / ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) 1.82 เท่า IAA Consensus Target Price 2.40 บาท


2. บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO)

ธุรกิจของบริษัท คือ วิจัยและพัฒนานวัตกรรมจากธรรมชาติ เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับการดูแลสุขภาพและความงาม ไตรมาสแรกปีนี้ธุรกิจวิ่งขึ้นสวนทางกับชาวบ้านเค้า การแพร่ระบาดรุนแรงของโควิด-19 ส่งผลให้ใครต่อใครรักสุขภาพอยากมีภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยจากวิกฤตใหญ่


เข้าทาง!! APCO พอดีเด๊ะ

เพราะมีผลิตภัณฑ์กลุ่ม BIM ที่ตอบโจทย์การสร้างภูมิคุ้มกัน เกือบทุกรูปแบบ ทุกอาการ ทำให้ยอดขายโดยรวมทุกผลิตภัณฑ์ในประเทศเพิ่มขึ้น 50% จากช่องทางออนไลน์และรายการทีวี “HotLineสายสุขภาพ” แถมตลาดต่างประเทศมียอดขายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% การเติบโตของยอดขายรอบนี้ ถึงกับทำให้บริษัทต้องพิจารณาแผนเพิ่มกำลังการผลิตกันเลยทีเดียว!!


ส่วนการตลาด ช่วงนี้ก็จัดหนักด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด - 19 พร้อมประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ควบคู่กับการแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่าน Social Media มากขึ้น การขายผ่านศูนย์ BIM Health Center และตัวแทนจำหน่าย เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง


ภาพรวมทั้งปีคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10% อัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า80% (อัตรากำไรขั้นต้นโหดจุง!!)เพราะเป็นปีแรกที่การขยายตลาดต่างประเทศเป็นรูปธรรม มีการร่วมมือกับพันธมิตรขยายฐานลูกค้า เพิ่มช่องทางจำหน่าย ปัจจุบันบริษัทได้แต่งตั้ง บริษัท สิงคโปร์ อีเกิ้ล โปรฟิท แมเนจเมนต์ พีทีอี จำกัด ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายเพียงรายเดียวสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมภายใต้ชื่อ “BIM” เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ชาวจีนในการต่อสู้กับไวรัสโควิด -19 และมีพันธมิตรอีกหลายรายที่สนใจนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดเข้าไปจำหน่ายอาทิ ประเทศไนจีเรีย เอธิโอเปีย ขณะที่ในประเทศยอดขายปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวในปีที่ผ่านมา


ผลประกอบการ ย้อนหลัง 3 ปี ( ปี 2560-2562 )

ปี 2560 กำไรสุทธิ 108.21 ล้านบาท

ปี 2561 กำไรสุทธิ 94.75 ล้านบาท

ปี 2562 กำไรสุทธิ 57.90 ล้านบาท


ราคาหุ้นปัจจุบัน (30 เม.ย.63) ปิดที่ 3.92 บาท / Market cap 2,280 ล้านบาท /อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 39.38 เท่า / ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) อยู่ที่ 3.94 เท่า

0 views0 comments
bottom of page