top of page

หุ้นไทยเฉาวอลุ่มหด 21% บาทแข็ง - กำไร บจ.ต่ำ ราคาหุ้นใหญ่เต็มมูลค่า


หุ้นไทยเฉาวอลุ่มหด 21% บาทแข็ง - กำไร บจ.ต่ำ ราคาหุ้นใหญ่เต็มมูลค่า #เห็นตลาดที่ไร้วอลุ่มไม่เจ็บเท่าเห็นคุณเป็นของใคร . ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ต้นปี 66 ทำการซื้อขายมาแล้ว 27 วัน (3 ม.ค. - 8 ก.พ.) ปิดที่ 1,670.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด หรือ 0.10% . ขึ้นไปสูงสุด 1,695.99 จุด ลงไปต่ำสุด 1,659.90 จุด เรียกได้ว่าค่อนข้างไซด์เวย์ยึก ๆ ยัก ๆ บวกลบไม่ถึง 50 จุด . ที่น่าเป็นห่วงคือมูลค่าการซื้อขายลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยตั้งแต่ต้นปีถึง 8 ก.พ.66 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 6.62 หมื่นล้านบาท ลดลงไปกว่า 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน . ขณะที่เทียบกับมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของปีนี้กับปีก่อน ก็ต่างกันลิบจาก 1.14 แสนล้านบาท เหลือเพียง 8.77 หมื่นล้านบาทเท่านั้น . ทั้งนี้เมื่อสำรวจการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สัดส่วนที่หายไปมากคือ นักลงทุนในประเทศ หรือที่เรียกติดปากว่า "รายย่อย" นั่นแล . เหลือสัดส่วนการซื้อขายเพียง 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนเทรดกันคึกคักระดับ 44% โดยไปกองอยู่ที่นักลงทุนต่างชาติสัดส่วนการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 40% ตามด้วยนักลงทุนสถาบันในประเทศ 9% และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 7% . อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายสุทธิ บวกสูงสุดเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ 7,323 ล้านบาท รองลงมาคือบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 7,315 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,083 ล้านบาท ส่วนที่ขายสุทธิคือนักลงทุนสถาบันในประเทศระดับ 1.97 หมื่นล้านบาท . #เสี่ยวCREW สอบถามความเห็นจากบรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้ใจความว่า สาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของเงินบาท ขณะเดียวกันกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 4/65 ออกมาต่ำกว่าคาด รวมถึงกลุ่มหุ้นบิ๊กแคป Valuation เริ่มตึง และยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่มาสนับสนุนหุ้นไทย . "กรภัทร วรเชษฐ์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า สาเหตุที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะถูกกดดันจาก 2 ปัจจัยหลัก การประกาศงบการเงิน บจ.ไตรมาส 4/65 ส่วนใหญ่ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดฯ และ เงินบาทที่เเข็งค่าต่อเนื่องในระยะหลัง . "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า เพิ่มเติมว่า อีกปัจจัยที่ทำให้วอลุ่มเทรดหุ้นไทยลดลง คือ ราคาหุ้นขนาดใหญ่ (Big cap) ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ส่วนใหญ่มูลค่า (Valuatiom) เริ่มตึงตัว . ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะดึงความสนใจให้เข้ามาซื้อขายในช่วงนี้ . อย่างไรก็ตาม ระยะถัดไปมองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยบวกที่รอหนุนหุ้นไทยอยู่ . อีกทั้งเริ่มเห็นทิศทางเงินบาทชะลอการเเข็งค่าลงได้บ้างแล้ว ซึ่งจะทำให้ Fund Flow กลับมาสนใจหุ้นไทยอีกครั้งในระยะถัดไป และจะช่วยหนุนปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น . "กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดว่า วอลุ่มเทรดตลาดหุ้นไทยจะกลับมาฟื้นตัวดีอีกครั้งตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.เป็นต้นไป . เพราะจะเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตเสร็จสิ้น รวมถึงเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง และยังมีกลุ่ม บจ.ความหวัง เช่น ค้าปลีกและท่องเที่ยว รอประกาศงบการเงินไตรมาส 4/65 อยู่ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี โดยจะทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้ง . ยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาคึกคักได้หรือไม่ และหรือจะมีปัจจัยใดที่เข้ามาหนุนหรือฉุดตลาดในระยะถัดไป . ส่วนตอนนี้จะกำหนดกลยุทธ์ลงทุนอย่างไร เหล่านักวิเคราะห์ก็บอกมาตรงกันว่า เลือกหุ้นรายตัวที่พื้นฐานดี Valuation ยังเหมาะสม และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงอย่าเสี่ยงเก็งกำไรหุ้นที่ขึ้นลงแบบไร้เหตุผลก็พอ .

7 views0 comments
bottom of page