top of page

"เก็บภาษีขายหุ้น" ปล้นนักลงทุนกลางแดด



"เก็บภาษีขายหุ้น" ปล้นนักลงทุนกลางแดด #เก็บภาษีขายหุ้นไม่รู้เพื่อใครรู้แต่เก็บหัวใจไว้เพื่อคุณ . ไม่รู้ว่าผลการนัดประท้วงของนักลงทุนรายย่อย ด้วยการหยุดเทรด 1 วันจะเป็นอย่างไร ? สร้างแรงกระเพื่อมต่อรัฐในการจะเรียกเก็บ "ภาษีขายหุ้น" ได้แค่ไหน ? . แต่ที่แน่ ๆ รมว.คลัง ออกมาให้ความเห็นแบบเชิดใส่ทำนอง "อยากทำอะไรก็เป็นสิทธิของทุกคนที่จะทำได้ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการทบทวนหรือชะลอการ "เก็บภาษีขายหุ้น" เพราะ ครม.มีมติเห็นชอบไปแล้ว แถมยังได้ชี้แจงความจำเป็นและหลักการไปแล้ว และอัตราที่เรียกเก็บก็ไม่ได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ที่เก็บภาษีนี้กันอยู่แล้วสักหน่อย...." (ว่างั้น) . แถมปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาหนุนว่า "ต่อให้นักลงทุนประท้วงด้วยการหนีไปเทรดหุ้นต่างประเทศ เพราะไม่อยากจ่ายภาษีดังกล่าว ก็เป็นเรื่องของนักลงทุน แต่ต่างประเทศก็ต้องเสียภาษีนี้เช่นกัน แถมบางประเทศเสียมากกว่าด้วย..." (ครับ !!!) . จนแล้วจนรอดก็คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รัฐก็คงได้กระหยิ่มยิ้มย่องสมใจอยากกับการเก็บ "ภาษีขายหุ้น" ... . เผื่อใครยังไม่ทราบ : ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 29 พ.ย.65 อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา "เก็บภาษีขายหุ้น" และคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ได้เร็วสุด มี.ค.66 ที่กำลังจะถึงนี้เลย . อัตราเรียกเก็บช่วงแรกถึงสิ้นปี 66 อยู่ที่ 0.055% ถามว่ามากแค่ไหน ? ก็ขายหุ้น 1,000 บาท เสียภาษี 0.55 บาท / ขาย 10,000 เสีย 5.5 บาท / ขาย 100,000 บาท เสีย 55 บาท / ขาย 1,000,000 บาท เสีย 550 บาท มากกว่านั้นก็ทบไปเรื่อย ๆ . ปี 67 เป็นต้นไปจะจัดเก็บที่ 0.11% เท่ากับว่าหากขายหุ้น 1,000 บาท เสียภาษี 1.1 บาท / ขาย 10,000 เสีย 11 บาท / ขาย 100,000 บาท เสีย 110 บาท / ขาย 1,000,000 บาท เสีย 1,100 บาท มากกว่านั้นก็ทบไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ . กระทรวงการคลัง อ้างว่า สาเหตุที่ต้องเก็บภาษีขายหุ้น เพราะยกเว้นให้มากว่า 30 ปีแล้ว (ภาษีธุรกิจเฉพาะ) โดยการปรับปรุงครั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐให้มีความยั่งยืน คาดว่าจะจัดเก็บรายได้ประมาณปีละ 1.6 หมื่นล้านบาท (คำนวณจากอัตราเรียกเก็บที่ 0.11%) . ก็ตามนั้น!! เหตุผลจากพวกเสนาบดีที่ดีดลูกคิดบนรางแก้ว ไม่ค่อยคิดถึงความเสียหายที่จะตามมา ดังนั้น #เสี่ยวCREW จึงใคร่ขอสรุปผลกระทบแบบมัดรวม จากนโยบายนี้ไว้ให้ชม . • ต้นทุนการซื้อ-ขายของนักลงทุนทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมีค่าคอมฯที่ต้องจ่ายในทุกการซื้อขายอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อขายระยะสั้น • วอลุ่มเทรดจากนักลงทุนทุกกลุ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ • ผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบต่างๆ เช่น กองทุนรวม มีผลตอบแทนลดลง กระทบนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาลงทุนเพื่อการออมเป็นหลัก • ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยจะไม่เป็นที่น่าสนใจ และมีโอกาสลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะมูลค่าการซื้อขายที่หายไปจากมาตรการภาษี • การระดมทุนผ่านตลาดทุนจะทำได้ยากขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจจริง • ธุรกิจโบรกเกอร์จะแข่งขันสูง และมีต้นทุนเพิ่มขึ้นมหาศาล • รัฐอาจจะไม่สามารถเก็บภาษีได้ตามที่ฝันไว้ เพราะมูลค่าการซื้อขายเบาบางลง . "ภาษีขายหุ้น" ใช้หลักการเดียวกับ “ภาษีธุรกิจเฉพาะ” มาอ้างไม่ค่อยเหมาะสม เพราะ "ภาษีธุรกิจเฉพาะ" ใช้จัดเก็บจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งราคาที่ดินมีแต่ขึ้น ขายแล้วกำไร ไม่มีขาดทุน แต่...การขายหุ้น มีทั้งกำไรและขาดทุนสัดส่วนใกล้เคียงกัน อีพวกขาดทุนยังต้องมาเสียภาษีเพิ่มอีกกกก . ก็ไม่รู้เอาอะไรมาคิด!! นโยบายนี้ไม่ต่างจากการปล้นนักลงทุนกลางแดดชัดๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องถนัดของรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว เวลาไม่รู้จะหาเงินจากไหน ก็หน้าด้านหน้าทนมาตอดจากที่ที่ไม่เป็นที่... ข้อมูลจาก: efinanceThai

5 views0 comments
bottom of page