วงการสงฆ์กับงบ 4 พันกว่าล้านบาท
เจริญขึ้น หรือ เสื่อมทราม ?
#เข้าวัดก็อยากได้บุญมองตาคุณก็อยากได้ใจ
“วงการสงฆ์” อีกวงการที่เรียกได้ว่า ไม่แผ่ว!! รอบกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา มีข่าวงามไส้ให้เห็นไม่พัก อาทิ พระมหาฯ สี้นักการเมืองสาว แก๊งค์พระขับรถชิลรวมตัวกันมาบิณฑบาตรพกทั้งเงินพกทั้งเหล้า
.
ก่อนหน้านี้ก็มี พระสันเขื่อน พระฉันบวบ พระไปเที่ยวพายแคนู พระดูดยาบ้า กินเหล้า ถ่ายคลิปแบล็กเมล์สีกา ฯลฯ ส่วนมากเรื่องเหล่านี้จะโคตรดัง และถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากช่วงที่เป็นข่าว จากนั้นพระพวกนี้ก็สึกแล้วเงียบหายไป บางรายไม่ได้รับโทษใดๆ ทางกฎหมาย
.
สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะโทษสูงสุดทางสงฆ์ คือ ปาราชิก ผู้ที่ถูกกล่าวโทษดังกล่าวเหมือนกับถูกประหารชีวิตจากความเป็นพระภิกษุ และไม่สามารถกลับมาบวชอีกได้ ส่วนโทษทางกฎหมายนั้นไม่อยู่ในอำนาจ คู่กรณีต้องไปแจ้งความ หรือดำเนินคดีตามหลักของทางโลก เพื่อให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดความผิดอีกที
.
สำหรับหน่วยงานที่กำกับดูแลคณะสงฆ์ในไทย ได้แก่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งในแต่ละปีใช้งบประมาณไม่น้อย !! โดยปีงบประมาณ 66 ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 4,216.65 ล้านบาท ถูกนำไปใช้ใน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย
.
1. แผนงานบุคลากร 1,616.20 ล้านบาท ส่วนนี้เป็นเงินเดือน ค่าจ้าง ผลตอบแทนของข้าราชการไม่มากประมาณ 380 กว่าล้านบาท แต่ที่น่าสนใจ คือ เงินอุดหนุนอุปถัมภ์ นิตยภัต พระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์และพระเปรียญ ที่สูงถึง 1,233.30 ล้านบาท
.
แปลง่ายๆ คือ เงินเดือนที่จ่ายให้พระที่มียศ มีตำแหน่งทั้งหลาย ซึ่งในปี 66 มีพระที่ได้รับเงินดังกล่าวจำนวน 43,676 รูป
.
2. แผนงานพื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ 1,461.90 ล้านบาท ใช้สำหรับการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและศาสนสถาน ตลอดจนพัฒนาพระสังฆาธิการตามหลักสูตรที่สำนักงานกำหนด
.
3. แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ 1,138.54 ล้านบาท ส่วนนี้แลดูคุ้มค่ามากที่สุด เพราะเป็นเงินที่นำไปส่งเสริมการศึกษาภาคสามัญให้กับ ภิกษุ สามเณร ไปจนถึงเด็ก-เยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร
.
ส่วนในปีงบประมาณ 67 พศ. ได้รับงบประมาณ 3,479.87 ล้านบาท สัดส่วนการใช้งบถูกปรับลดงบประมาณลงในข้อ 2 และ 3 เป็นหลัก ส่วนข้อ 1 ยังคงเดิม
.
#เสี่ยวCREW ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่าหรือไม่ แต่ดูแล้วงบส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาพระสงฆ์ ส่วนผลลัพธ์ พระสงฆ์ เจริญขึ้นหรือเสื่อมทรามลง ? สังคมไทยคงต้องให้คำตอบกันเอาเอง
.
ข้อมูลจาก: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ