top of page

DELTA ได้เวลาสู่ขิต!!! เช็ค “ดาวรุ่ง-ร่วง" เกณฑ์จัดบิ๊กแคปใหม่



DELTA ได้เวลาสู่ขิต!!! เช็ค “ดาวรุ่ง-ร่วง" เกณฑ์จัดบิ๊กแคปใหม่ #หุ้นบิ๊กแคปชี้นำดัชนีขึ้นลงรักมั่นคงชี้นำไปที่เธอ

ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ หงอยๆ เหวี่ยวงๆ หน่อยนะครับ เพราะไม่มีเรื่องอะไรให้เล่น ขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ ทำให้การเคลื่อนไหวของหุ้น “บิ๊กแคป” หลายตัว เริ่มอยู่ในกรอบจำกัด บางตัวก็โดนแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยงจากต่างชาติและกองทุน ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบิ๊กแคปหลายๆตัว . นอกเหนือจากปัจจัยแวดล้อมด้านนโยบายของประเทศมหาอำนาจ และภาวะเศรษฐกิจแล้ว อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการ "ลดหรือเพิ่ม" น้ำหนักลงทุนหุ้นบิ๊กแคประยะสั้นๆ คือ หลักเกณฑ์ต่างๆที่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนต่างชาติยึดเป็นเงื่อนไขนำเงินเข้าและออกในหุ้นตัวนั้นๆ . ช่วงปลายปีนี้ มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และปรับเปลี่ยนนำหุ้นบิ๊กแคปเข้า-ออกคำนวณดัชนี SET50 / SET100 รอบใหม่ รวมทั้งดัชนี MSCI ซึ่งผู้ลงทุนต่างชาติส่วนมากยึดเป็นเงื่อนไขการเพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุนแต่ละครั้งด้วย . #เสี่ยวCREW รวบรวมบทวิจัยของโบรกเกอร์ชั้นนำ ที่ประเมินหุ้นบิ๊กแคปรายตัวที่มีความเสี่ยงโดนแรงขายลดน้ำหนักลงทุน และมีโอกาสรับประโยชน์จากแรงซื้อเพิ่ม จากการปรับหลักเกณฑ์และการทบทวนหุ้นเข้าคำนวณดัชนีฯต่างๆ รอบนี้ มาให้ชม . บล.เอเซีย พลัส ประเมินผลกระทบจากการเตรียมปรับหลักเกณฑ์ที่ใช้นำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 SET100 รอบใหม่ ด้วยการใช้เกณฑ์เชิงคุณภาพ โดยเพิ่มเกณฑ์ "Cash Balance" มาเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์สภาพคล่อง (Free Float Adj) . ผลของการเตรียมทบทวนเกณฑ์ดังกล่าวจะกดดันหุ้นบิ๊กแคปที่คำนวณดัชนี SET100 ที่ติด Cash Balance หรือ Trading Alert บ่อย โดยเฉพาะหุ้นที่มีจำนวนเดือนในการคำนวณเกณฑ์สภาพคล่องลดลงมากจนมีโอกาสถูกคัดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 . อาทิ หุ้น DELTA มีโอกาสถูกคัดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 มากสุด เนื่องจากติด Cash Balance ไป 7 เดือน จึงเหลือเดือนในการคำนวณสภาพคล่องเพียง 5 เดือน จากเกณฑ์ขั้นต่ำคือ 6 เดือน เป็นต้น . ส่วนหุ้นบิ๊กแคปที่มี Free Float น้อย แม้จะได้รับผลกระทบจากการทบทวนเกณฑ์ดังกล่าว แต่ระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวได้เช่นกัน เพราะเกณฑ์ Free Float Adj ยังไม่ได้นำมาใช้รอบนี้ แต่เลื่อนไปใช้รอบครึ่งแรกของปี 2565 ประกอบด้วย หุ้น AOT, GULF, OR, ADVANC, PTTEP, GPSC, BJC เป็นต้น . ส่วนหุ้นที่มีโอกาสสูงที่จะเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 คือ TIDLOR และ BLA . การเปิดรับฟังความเห็น (Public Hearing) ปรับปรุงมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นร้อนแรง ตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ย.นี้ ยกระดับความเข้มข้นมาตรการระดับ 1, 2 และ 3 ฝ่ายวิจัยฯเห็นด้วย เพราะตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบันมีจำนวนหุ้นที่ซื้อขายร้อนแรงจนติด Cash Balance สูงถึง 326 บริษัท เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าตัว จากปี 2563 . ประเด็นนี้ช่วยสร้างเสถียรภาพ และน่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมตลาดมากนัก เนื่องจากหุ้นที่ติด Cash Balance ที่คงค้าง มีสัดส่วนรวมไม่ถึง 1% ของมูลค่ามาร์เก็ตแคปของตลาดรวม . บล. ทรีนีตี้ ระบุว่า หลังจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกรายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นแนวทางการปรับปรุงดัชนี SET50 และ SET100 รอบใหม่ ปรับเกณฑ์ในส่วนสภาพคล่อง โดยให้คำนึงถึงข้อมูลหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายฯด้วย . ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่ เช่น DELTA มีโอกาสถูกถอดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 ในรอบถัดไปโดยทันที เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา DELTA จะมีเดือนที่ผ่านเกณฑ์สภาพคล่องเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 9 เดือน . ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้กองทุน Index Fund และ Passive fund ที่ถือหุ้น DELTA อยู่ มีโอกาสนำหุ้นตัวนี้ออกจากพอร์ตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อดัชนีในช่วงแรกๆ . ส่วนการประกาศผลการปรับตะกร้าดัชนีรอบใหม่ของ MSCI ที่คาดประกาศเป็นทางการเช้าตรู่วันที่ 12 พ.ย.นี้ ในส่วนของดัชนี Standard Index คาดว่าหุ้นที่มีโอกาสถูกนำเข้าสู่ดัชนีรอบนี้ ได้แก่ TTB, KCE, GLOBAL . สำหรับนักลงทุนที่ซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ควรหาจังหวะ "Sell on fact" หลังจากการประกาศผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาพุ่งสูงขึ้นรับข่าวการถูกคัดเลือกตามที่เราคาดการณ์ไว้ . DELTA ผู้มากอิทธิฤทธิ์ น่าจะสู่ขิตอย่างที่หลายคนคาดการณ์ ส่วนแนวทางของบิ๊กแคปตัวอื่นๆ ก็เป็นดังที่ร่ายมาครับ ก็อย่าลืมดูตาม้าตาเรือกันเช่นเคย

3 views0 comments
bottom of page