top of page

กู้ 5 แสนลบ.แจก “เงินดิจิทัล” ดีแค่ระยะสั้น อาจยับในระยะยาว



กู้ 5 แสนลบ.แจก “เงินดิจิทัล” ดีแค่ระยะสั้น อาจยับในระยะยาว #เงินดิจิทัลกำลังจะสะพัดคิดถึงจังครับกำลังจะขาดใจ นโยบายแจก “แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ของรัฐบาล เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วนะครับ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นเตรียมออก พ.ร.บ. กู้เงิน ประมาณ 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการนี้ สัปดาห์หน้าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะประชุมกันอีกครั้งเพื่ออัพเดทรายละเอียดเพิ่มเติม… . เรื่องนี้เมื่อสอบถามความเห็นบรรดากูรูในวงการตลาดหุ้นไทย สรุปเป็นใจความสำคัญได้หลายแง่มุม มีทั้งเชิงบวกและลบ . ขอบวกก่อนเลยแล้วกันนะครับ 1. “แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” เกิดแน่ แต่อาจล่าช้าจากกำหนดเดิมพ.ค.67 หากอ้างอิงตามคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาที่เปิดช่องให้รัฐบาลสามารดำเนินการได้ และหากดูสถานการณ์ของรัฐบาล ณ ปัจจุบัน ก็มีความต้องการอย่างสูงที่จะผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นจริง ดังนั้นน่าจะพยายามทำทุกอย่าง แบบ “เอาววววววแน่” . 2. GDP ไทยอาจโตได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ 3% +/- หากเริ่มโครงการภายในปีนี้ แน่นอนว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภค เพราะมีเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบ และคาดกันว่าจะช่วยดันเศรษฐกิจให้เติบโตมากกว่าคาด 3. ตลาดหุ้นไทยรับผลดีในระยะสั้น เพราะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะได้รับอานิสงส์จากการจับจ่ายใช้สอยตามไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกและที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว . ทีนี้มาดูแง่ลบกันบ้าง 1. อาจกระทบวินัยการคลังประเทศในระยะยาว ดูเผินๆ ตามข้างต้นเหมือนจะดี แต่เพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น เพราะนโยบายนี้จะต้องใช้เงินกู้ถึง 5 แสนล้านบาทมาแจก ซึ่งหนี้สาธารณะของไทยปัจจุบันก็สูงมากอยู่แล้วใกล้แตะกรอบบนที่ 70% ของ GDP จากการขยันกู้ของรัฐบาลทหารก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงกังวลว่า เมื่อกู้อีกจะกระทบวินัยการคลังในระยะยาว เพราะเป็นความพยายามใช้นโยบายกึ่งการคลัง . ต้องตั้งงบประมาณชดเชยในอนาคต ซึ่งการกู้รอบนี้ยังไม่นับรวมต้นทุนของนโยบายไว้ในกรอบงบประมาณ และกรอบหนี้สาธารณะ แถมไม่มีนโยบายปฏิรูปรายจ่ายและรายได้ในระยะข้างหน้า เพื่อลดการขาดดุลในระยะต่อไป (คือกู้เงินมันมีดอกเบี้ยอ่ะเนาะ แล้วดอกมันต้องใช้งบมาทยอยจ่ายไปเรื่อยไปเปื่อยอีกหลายปีอ่ะ) . 2. ประเทศมีโอกาสถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือ เพราะนโยบายนี้สุ่มเสี่ยงต่อการถูกมองว่าประเทศขาดวินัยทางการคลัง และตามมาด้วยการปรับลดอันดับเครดิต ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ความน่าสนใจลงทุนลดลง 3. ต้นทุนทางการเงินของภาครัฐและเอกชนไทยมีโอกาสปรับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แถมยังต้องแย่งเม็ดเงินกันเองระหว่างรัฐและเอกชน การระดมเงินเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย กิจการ ก็จะทำได้ยากขึ้น และหลังจากนั้นไม่ต้องคิดต่อถึงตลาดหุ้นเลยนะครับ เละแน่นอน !!! . อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความเห็นจากบรรดานักวิเคราะห์เท่านั้น ยังไงก็ต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจนของนโยบายนี้อีกครั้ง รวมถึงวันเวลาที่แน่นอนในการแจก . ลึกๆ เชื่อเหลือเกินว่าโครงการเกิดแน่ เพราะหาเสียงเอาไว้ใหญ่โต แต่หากทำไม่ได้ เขาก็สามารถอ้างได้ว่า เราทำทุกทางแล้วนะครับพี่น้องงง...

284 views0 comments
bottom of page