top of page

ตลาดหุ้นไทยเข้าขั้น "ซบเซา" ตั้งรัฐบาลล่าช้า ฉุดวอลุ่ม-ความเชื่อมั่น



ตลาดหุ้นไทยเข้าขั้น "ซบเซา" ตั้งรัฐบาลล่าช้า ฉุดวอลุ่ม-ความเชื่อมั่น #ถ้าตลาดหุ้นมันซบเซาเปลี่ยนมาซบตักเราก่อนได้นะ

FETCO (สภาธุรกิจตลาดทุนไทย) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) อีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 77.70 ลดลง 27% จากเดือน พ.ค.66 เข้าเขต "ซบเซา" ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน !!! . สาเหตุสำคัญที่มีอิทธิพลมากที่สุด คือ การเมืองในประเทศที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ อยู่ระหว่างการรอผลรับรองการเลือกตั้งของ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ แม้จะผ่านการเลือกตั้งมาแล้วเกือบ 1 เดือน โดยจะครบรอบ 30 วันในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ (ตามกฎหมายต้องรับรองภายใน 60 วัน) . ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอีกสารพัด อาทิ การลงคะแนนของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือ คุณสมบัติของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ . ปัจจัยดังกล่าวฉุดความเชื่อมั่นมโหฬาร โดยหากนับจากหลังเลือกตั้งล่วงหน้าถึงล่าสุด (8 พ.ค. - 7 มิ.ย.66) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 29.04 จุด หรือ -1.86% และเคยลงไปต่ำสุดถึง 1,491.12 จุด หรือ -71.13 จุด (-4.55%) . ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงเหลือ 5.2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น จากก่อนเลือกตั้งอยู่ที่เฉลี่ย 5.8 หมื่นล้านบาทต่อวัน และปีก่อนที่ 7.1 หมื่นล้านบาทต่อวัน . นอกจากนี้หลังการเลือกตั้งนักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นไทยสุทธิ 3.56 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการขายต่อเนื่องถึง 18 วันทำการ เพิ่งจะมีกลับมาซื้อเมื่อ 2 และ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนผลสำรวจความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่ปรับลดลงมากสุดถึง 40% ในเดือนนี้ (บุคคล -24%, สถาบันในประเทศ 18.5%) . ทั้งนี้ปัจจัยที่จะดึงหุ้นไทยกลับเข้ามาอยู่ในทิศทางบวกอีกครั้ง คือ การจัดตั้งรัฐบาล (ที่สำเร็จ) และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่กำลังจะออกมา รองลงมา คือ การท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของเศรฐกิจในประเทศรวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน . อย่างไรก็ตามหากปัจจัยการเมืองยังคาราคาซังและถูกดึงเชงกันต่อไปแบบหาความแน่นอนไม่ได้ ตลาดหุ้นไทยก็จะยังอยู่ในระนาบทรงกับทรุดต่อไป... . สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ประกอบด้วย ท่องเที่ยว, ธนาคาร, โรงพยาบาล และ อาหาร . ส่วนกลุ่มที่ไม่น่าสนใจ คือ พลังงาน, ปิโตรเคมี, อิเล็กทรอนิกส์, แฟชั่น และ วัสดุการพิมพ์ . ช่วงที่อะไรยังไม่แน่นอนแบบนี้นักลงทุนชาวเสี่ยวทั้งหลาย ควรเลือกหุ้นที่ดี มีพื้นฐานแข็งแรง มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต ส่วนรัฐบาลจะตั้งได้เมื่อไหร่ ได้หรือไม่ ก็คงต้องลุ้นกันต่อไป

252 views0 comments
bottom of page