ล้มละลาย ติดเทรนด์ฮิต !!
ธุรกิจ-ปท.ตลาดเกิดใหม่
เสี่ยงระเนระนาดเพิ่มปีนี้
#ธุรกิจล้มกระทบเงินลงทุนคิดถึงคุณกระทบที่หัวใจ
“ล้มละลาย” คือ ภาวะที่กิจการที่มีหนี้สินจำนวนมาก จนไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ และไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไป
.
แต่...การจะล้มละลายนั้นมันใช่ว่าอยากจะล้มก็ล้ม ต้องผ่านกระบวนการศาล เพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ไหวจริงๆ และเมื่อพิสูจน์แล้วว่า ไม่ไหวจริง ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เพื่อกันไม่ให้เจ้าของกิจการมาวุ่นวาย ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของกิจการ จากนั้นจะรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งหมด แบ่งให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการล้มละลายต่อไป
.
ปีที่ผ่านมาจำนวนบริษัทยื่นขอล้มละลายในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกำลังพุ่งกระฉูด !!
.
ข้อมูลจาก Epiq AACER ผู้ให้บริการข้อมูลการล้มละลายในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การยื่นฟ้องล้มละลายเชิงพาณิชย์และส่วนบุคคลในปี 66 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 445,186 รายการ จากปี 65 อยู่ที่ 378,390 รายการ คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 18%
.
ขณะที่การยื่นเรื่องปรับโครงสร้างองค์กร ฟื้นฟูกิจการเชิงพาณิชย์ (Chapter 11) ในปี 66 อยู่ที่ 6,569 รายการ จากปี 65 อยู่ที่ 3,819 รายการ คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 72%
.
นอกเหนือจากอเมริกาแล้ว การล้มละลายในกลุ่มประเทศอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้า !!
.
ข้อมูลระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย. 66 เยอรมนี พี่เบิ้มด้านเศรษฐกิจของยุโรป เพิ่มขึ้น 25% / ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นกว่า 30% / เดนมาร์ก สวีเดน ฟินแลนด์ อังกฤษและเวลส์ การล้มละลายเพิ่มสูงกว่าช่วงปี 2008-2009 ซึ่งเกิดวิกฤตการเงินโลก
.
สาเหตุของการล้มละลายทั้งหมดนี้ ประกอบด้วย
1. ธุรกิจอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ มาตั้งแต่การระบาดของโควิด-19
2. การยกเลิกมาตรการช่วยเหลือ รัฐบาลแต่ละประเทศทยอยเลิกการสนับสนุนทางการเงิน กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด ขณะที่การดำเนินธุรกิจ การทำกำไร ต้องเผชิญกับกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง การหดตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
3. ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือไม่สามารถรีไฟแนนซ์เพื่อไปต่อได้
.
สำหรับปีนี้ “การล้มละลาย” ของธุรกิจทั่วโลกก็ยังคงติดเทรนด์ฮิต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เปิดปีใหม่มาบริษัทยักษ์ใหญ่ของพี่จีนก็ล้มโชว์ไปแล้ว คาดการณ์ว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้ และยื่นขอล้มละลายของธุรกิจทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักจากปีที่ผ่านมา (หลักสิบเปอร์เซ็นต์อ่ะ)
.
นอกจากนี้ยังต้องระวังการล้มของประเทศตลาดเกิดใหม่ เพราะตลอดทั้งปียังมีขวากหนามอีกจำนวนมาก อาทิ เศรษฐกิจโลกแบบไบโพลาร์, ภาะดอกเบี้ยสูงที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้, การดูดสภาพคล่องกลับของอเมริกา, เศรษฐกิจจีนอาจมีความเสี่ยงมากกว่าที่คาดหวัง, การแข่งขันด้านส่งออกที่รุนแรง, ประเทศต่างๆ มีแนวโน้มตีกันเป็นเด็กช่างกลมากขึ้น, ฯลฯ
.
ส่วนบ้านเราก็ไม่น้อยหน้าครับ ปีที่แล้วมีเข้าแผนฟื้นฟูกันเยอะ / เบี้ยวหนี้หุ้นกู้ก็มีให้เห็น / ธุรกิจลวงโลก-กลวงโป๋ก็มิใช่น้อย ปีนี้เปิดมารับเหมาใหญ่เบิ้มเละไปแล้วหนึ่ง
.
ทั้งปีมีหุ้นกู้ภาคเอกชนครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่าราว 1 ล้านล้านบาท มีรัฐบาลที่จะกู้อีก 5 แสนล้านบาท แย่งเงินกันสนุกสนาน เม็ดเงินจะพอไหมก็ไม่รู้นะครับ ถ้าไม่พอ หรือตึงๆ ก็ขอให้คิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ก็แล้วกัน
.
ลงทุนอะไรก็ระมัดระวัง อย่าหลงระเริงกับประมาณการที่สวยหรู อย่าได้มีความเชื่อว่าทุกอย่างจะฟื้นโดยง่าย