ส่อง TOP20 หุ้นราคายอดเยี่ยม-ยอดแย่ปี 2566
สรุปตลาดหุ้นไทยปี 2566 ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,415.85 จุด ลดลง 252.81 จุด หรือ 15.15% โดยมีจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,691.41 จุด ต่ำสุด 1,357.97 จุด (ต่ำสุดรอบ 3 ปี) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 5.1 หมื่นล้านบาท (ต่ำสุดรอบ 5 ปี)
.
ขณะที่เมื่อสำรวจข้อมูลการซื้อขายรายหลักทรัพย์ (ไม่นับรวมหุ้น IPO ที่เข้าเทรดปี 66) ซึ่งมีทั้งสิ้น 812 หลักทรัพย์ ปรากฎว่า ติดลบไปทั้งสิ้น 698 หลักทรัพย์ (1 - 93%) คิดเป็น 86% ของทั้งหมด มีเพียง 108 หลักทรัพย์เท่านั้นที่เป็นบวก (1 - 148%) โดยมี 6 หลักทรัพย์ที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
.
#เสี่ยวCREW คัดกรอง TOP20 หุ้นที่ราคาบวกมากสุด และ ราคาติดลบมากสุด (ไม่รวมกลุ่มหุ้นที่ราคาต่ำกว่า 0.10 บาท เพราะอัตราเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นลดลงจะค่อนข้างสูงกว่าปกติ) พบว่า 20 หุ้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดบวกไป 33.62 - 148.15% เป็นหุ้นจาก SET จำนวน 16 บริษัท และ mai จำนวน 4 บริษัท หมวดธุรกิจอาหารติดโผสูงสุด 4 บริษัท
.
ส่วนกลุ่มขาลง TOP20 ราคาดิ่ง 66.02 - 93.77% เป็นหุ้นจาก SET จำนวน 11 บริษัท และ mai จำนวน 9 บริษัท โดย หมวดธุรกิจ บริการ ติดโผมากสุด 4 บริษัท
.
ฝั่งขาบวก หุ้น TITLE, SKY และ JTS นำฝูง บวกไป 148.15%, 106.69% และ 100% ตามลำดับ
.
ฝั่งขาลง หุ้น OTO, JKN และ KWI รั้งท้าย ติดลบ 93.77%, 87.75% และ 81.91% ตามลำดับ
.
กลุ่มหุ้นทั้ง 2 ฝั่งหากนักลงทุนได้เข้าไปร่วมปาร์ตี้ด้วย คงรับรู้อารมณ์ต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะด้านหนึ่งเขียวขจีสวนทางตลาดหุ้นไทยโดยรวม แต่อีกกลุ่มขาดทุนมโหฬารหนักกว่าตลาดฯ บานเลย
.
มาถึงตรงนี้การเลือกหุ้นถือว่าสำคัญมาก เพราะฝั่งขาขึ้นส่วนใหญ่ราคาจะสะท้อนจากผลประกอบการที่ค่อนข้างดี (แม้บางบริษัทจะมาแบบงง ๆ ไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นส่วนน้อย)
.
ขณะที่ฝั่งขาลง ส่วนใหญ่เป็นหุ้นมีข่าวบ่อย มีความหวัง มีความฝัน เคยปรับตัวขึ้นหวือหวาน่าลิ้มลอง แต่ผลประกอบการดันไม่มาตามนัด ราคาหุ้นจึงตอบสนองอย่างที่เห็น
.
ดังนั้นปีใหม่นี้เป็นต้นไป ก่อนจะลงทุนหุ้นใด ๆ ก็ตาม จง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้ละเอียดถี่ถ้วน ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายนะจ๊ะ...
