top of page

หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ โอเคป่ะ



“หุ้นกู้” ตอนนี้ดูเหมือนจะฮิตกันมากเลยนะฮะ ข่าวคราวบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯออกหุ้นกู้มีมาไม่ขาดสาย ยิ่งช่วงนี้ยิ่งดูคึกคักเป็นพิเศษ ผลตอบแทนก็ดูหวือหวามากขึ้นไม่แพ้กัน ดอกเบี้ยจ่ายกันเบาะๆ เริ่มที่ 5% ขึ้นไป ใจถึงหน่อยก็ 9% กว่าๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของผู้ออกหุ้นกู้ไม่มีเรทติ้ง และผู้ออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (Perpetual Bond: หุ้นกู้ไม่มีกำหนดไถ่ถอน แต่ส่วนใหญ่จะไถ่ถอนกันใน 5 ปีแรก เพราะในทางบัญชีเค้าถือว่าเงินที่ได้จากอีนี่เป็นทุนแต่ถ้าเกิน 5 ปีไปแล้วมันจะกลายเป็นหนี้ ความเสี่ยงของหุ้นกู้ชนิดนี้จัดว่าเด็ด เพราะหากบริษัทไม่ไหว ล้มละลายไปไรงี้ ผู้ถือหุ้นกู้จะมีสิทธิเรียกร้องเงินคืนหลังจากหุ้นกู้ประเภทอื่นๆนะจ๊ะ) ใครจะไปรู้ ? ในอนาคตอาจมีหุ้นกู้ที่ผลตอบแทนซาดิสม์กว่านี้ก็ได้ แต่มันก็มีคนซื้ออยู่ดีแหล่ะ รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง เพราะตอนนี้เงินถูกปั๊มออกมาเยอะ ก็ต้องไหลไปหาผลตอบแทนที่ดี (ไม่ต่างจากหุ้นหลายตัวที่บวก ทั้งๆที่ไม่มีสิ่งใดโอเคทั้งในปัจจุบันและอนาคต) จะอย่างไรก็ตามมันก็ถือเป็นโอกาสดีของภาคธุรกิจเช่นกัน ที่จะได้นำเงินจากการขายหุ้นกู้ไปใช้สำหรับการทำให้กิจการไปต่อได้ บางรายขยายได้ก็ขยายไป เมื่อวิกฤตผ่านพ้นองค์กรก็ยังคงสภาพอยู่ได้อย่างแข็งแรง ในส่วนของผู้ลงทุนทั่วๆไปที่สนใจหุ้นกู้แนวนี้ หรือลงทุนในกองทุนที่มีหุ้นกู้แนวนี้ทั้งโดยบังเอิญและเจตนา #เสี่ยวCREW ก็อยากให้ครวญคิดพินิจให้ดีในสิ่งเหล่านี้ • ความจริง องค์กรที่อยู่ๆก็มีต้นทุนทางการเงินพุ่งสูงพรวดพราด ในภาวะที่รายได้หดหาย จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนให้องค์กรกลับสู่ภาวะปกติ ทำกำไรขนาดไหนถึงจะครอบคลุม ทำกำไรให้สูงได้อย่างไรในภาวะวิกฤตที่ กำลังซื้อจริง ขนาดเศรษฐกิจ หดตัวอย่างรุนแรง ให้เราตอบก็จะบอกว่า “ยากจัง” (แต่ในทางปฏิบัติผู้ออกหุ้นกู้ส่วนใหญ่ก็จะไปออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาจ่ายคืนท่านนั่นแหล่ะ) โดยสรุปไม่ต่างจากการซื้อหุ้นแหล่ะครับ คือ ต้องดูพื้นฐาน ฐานะการเงินให้ดี ที่สำคัญต้องวิเคราะห์แนวโน้มของภาคธุรกิจให้ชัวร์ๆหน่อย เพราะพี่โควิดเล่นงานหลายภาคไว้หนักมาก ลำพังจะฟังผู้บริหารพูดว่าฟื้นแน่ เริ่มดี ฯลฯ มันไม่พอจริงๆนะ • รับได้ไหม จริงอยู่ที่ผลตอบแทนสูง แต่ไม่มีใครการันตีได้ว่าดอกเบี้ยสูงตามที่ประกาศไว้นั้นจะจ่ายตรง อาจเลื่อนก็ได้ในกรณีที่บริษัทมีปัญหาด้านการเงิน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นลางไม่ดีแล้วล่ะ เราก็อยากหนีตายขายทิ้งไง แต่ทุกคนก็ดันรู้เหมือนกันไงว่ามันแย่ มันก็ไม่มีใครมารับดิค้าบบ ทั้งนี้ถ้าบริษัทแก้ปัญหาได้ก็ดีไป แต่หากมันลุกลาม เราก็จะซวยอีกดอกในส่วนของเงินต้นที่จะได้คืนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สิ่งที่อาจพอช่วยได้ในตอนนั้นก็คงเป็นความหวังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใครๆก็อยากกอบโกยผลตอบแทนสูงในช่วงที่อะไรไม่แน่นอนกันทั้งนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าชีวิตจะโอเค อยู่รอดไปได้ในอนาคต เราเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกันฮะ แต่ในสถานการณ์ที่พลิกผันค่อนข้างเร็วแบบตอนนี้ ความไม่ประมาทก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

3 views0 comments
bottom of page