top of page

“เครดิต สวิส” รับไม้ต่อ SVB วิกฤติ หรือ ฉิบหาย โปรดติดตาม



“เครดิต สวิส” รับไม้ต่อ SVB วิกฤติ หรือ ฉิบหาย โปรดติดตาม #ธนาคารล้มสะเทือนเศรษฐกิจ #ขาดคนใกล้ชิดสะเทือนที่หัวใจ

ความฉิบหายที่เกิดขึ้นกับ Silicon Valley Bank และ Signature Bank ธนาคารใหญ่ TOP20 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนถึงต้นสัปดาห์นี้ เขย่าวงการลงทุนทั่วโลก เพราะสุ่มเสี่ยงจะเกิดโดมิโน่ลามเหมือน "วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์" เมื่อปี 2008 . อย่างไรก็ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ รีบประกาศออกมาอุ้มทันควัน พร้อมคุ้มครองเงินฝากทั้งหมด เพื่อป้องความบานปลาย (ก็ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะเอาเงินมาจากไหนนักหนานะครับ) . สถานการณ์เหมือนจะคลี่คลาย สะท้อนจากตลาดหุ้นทั่วโลก เด้งกลับมาได้รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ 14 มี.ค.ลงไปถึง 49 จุด แต่วันที่ 15 ก็ฟื้นกลับมาได้เกือบหมด . แต่...ความวัวยังไม่ทันหาย ความฉิบหายก็เข้ามาแทรก . “เครดิต สวิส” (Credit Suisse Bank) บิ๊กแบงก์ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ขาดสภาพคล่องหนัก จนต้องขอความช่วยเหลือจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ เพราะ Saudi National Bank หรือ SNB ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินได้ เนื่องจากตอนนี้ถือหุ้น 9.9% หากเพิ่มทุนจะทำให้ถือมากกว่า 10% ผิดกฎระเบียบธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์ . ความ Panic จึงเกิดขึ้นอีกครั้งตั้งแต่เมื่อวานยันเช้าวันนี้ เพราะเครดิต สวิส ใหญ่เกินว่าที่จะปล่อยให้ล้ม (Too Big To Fail) . ปัจจุบันมีขนาดสินทรัพย์ราว 6 แสนล้านดอลลาร์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ มีอายุ 167 ปี ฝังรากลึกด้วยโครงข่ายเชื่อมโยงกับธนาคารต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐฯ อย่างลึกซึ้ง หากเป็นอะไรไป น่าจะนำพาไปสู่วิกฤติแบบเต็มคาราเบลลลล !! . ล่าสุดมีแถลงการออกมาแล้วว่า เครดิต สวิส จะกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์สูงถึง 5 หมื่นล้าน ฟรังก์สวิส หรือราว 5.368 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้โครงการจัดหาเงินกู้แบบครอบคลุม และการจัดหาสภาพคล่องในระยะสั้น (Covered loan facility and a short-term liquidity facility) . เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักและลูกค้าของธนาคาร หลังจากนั้นก็จะดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งต่อไป ต้องรอดูว่าธนาคารกลางสวิสฯ จะเซย์เยสตามนั้นหรือไม่ . แรงสั่นสะเทือนของเครดิต สวิส ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มธนาคารทั่วยุโรป โดยเฉพาะหุ้นเครดิต สวิส เองที่ลงไปแตะ All time low เลยทีเดียว หลังความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลงต่อเนื่อง โดยงบการเงินปี 65 ขาดทุน 7.3 พันล้านฟรังก์ ต่อเนื่องจากปี 64 ที่ขาดทุน 1.7 พันล้านฟรังก์ . ที่จริง เครดิต สวิส นี่มีปัญหามาพักใหญ่แล้ว ทั้งเรื่องอื้อฉาวและแนวทางการดำเนินงาน เล่าเท่าที่รู้คือ... . ปีที่แล้วเสียหายหนักถึง 2 ครั้งจากการปล่อยกู้ให้กับ "Archegos Capital Management" สูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท และเข้าลงทุนใน "Greensil" มูลค่าสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท . ทั้ง 2 แห่งที่ ว่า สู่ขิต ล้มละลาย ไปเป็นที่เรียบร้อย ผลประกอบการขาดทุนติดต่อกันหลายไตรมาส มีสถานะง่อนแง่น คนจะปล่อยกู้ให้ก็กลัวไม่ได้เงินคืน คนจะเพิ่มทุนให้ก็ไม่อยากทำการกุศลอีกแล้ว . ก่อนหน้านั้นก็มีการรั่วไหลครั้งใหญ่ทางข้อมูล ที่เปิดเผยถึงความมั่งคั่ง แต่แฝงไปด้วยการซ่อนเร้นของลูกค้าหลายราย ที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด ฟอกเงิน ทุจริต และอาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆ โดยในกลุ่มนี้ มีนักธุรกิจ และนักการเมืองไทยด้วย (คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ นะครับ) . รายละเอียดของบัญชีที่รั่วไหลเชื่อมโยงกับลูกค้าของเครดิตสวิสกว่า 30,000 รายทั่วโลก เปิดโปงผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นเจ้าของบัญชีมูลค่ามากกว่า 8 หมื่นล้านปอนด์ หรือราว 3.5 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของธนาคารแห่งนี้ในการตรวจสอบสถานะลูกค้า แม้จะให้คำมั่นมาตลอดหลายทศวรรษว่า จะไม่รับลูกค้าน่าสงสัยและกองทุนที่ผิดกฎหมาย . ล่าสุดเมื่อไตรมาส 4/65 มีรายงานว่า ลูกค้าได้แห่ถอนเงินฝากมากกว่า 1.1 แสนล้านฟรังก์ ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาดังกล่าวจนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น . ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า อีเวนต์นี้จะดำเนินไปในทิศทางไหน แต่ที่แน่ ๆ ตลาดหุ้นไทยที่แสนอ่อนไหวก็ลงรับข่าวไปแล้ว การซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ลงไปต่ำสุดเกือบ 27 จุด ก็น่าฉงนดีเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับแบงก์ในสหรัฐฯ และยุโรป ที่มีธุรกรรมกับเศรฐกิจไทยค่อนข้างน้อยมาก . "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย แสดงความเห็นได้น่าสนใจว่า... . เครดิต สวิส ใหญ่เกินไป สำคัญเกินไป ให้ล้มไม่ได้ !!! ทางการจึงต้องเข้ามาดูแล ไม่มีทางเลือก ก้าวแรกคงประกาศช่วยเรื่องสภาพคล่อง ต่อไปหากจำเป็นคงต้องประกาศอุ้มผู้ฝากให้ชัดเจน และท้ายสุดหากจำเป็นจริงๆ คงต้องคิดหาทางออก เพื่อหาทางให้ Credit Suisse กลับมามีเงินทุนที่เข้มแข็งอีกครั้ง เพื่อให้ผ่านไปได้ แต่ล้มไม่ได้ . ระหว่างทาง โลกก็อาจจะพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีเครดิต สวิส คงไม่ใช่กรณีสุดท้าย!! สถาบันการเงินต่างๆ คงต้องรับแรงกระแทก แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นไปอีกระยะ เพราะธนาคารกลางหลักหลายประเทศ ยังสู้ศึกเงินเฟ้อไม่จบ นำมาซึ่งบทใหม่ของ Perfect Storm ที่ลุกลามไปภาคสถาบันการเงิน ที่อ่อนไหว เปราะบางมากขึ้น . ยิ่งข่าวสารสมัยนี้ไปไว ธุรกรรมทางการเงินก็แค่ปลายนิ้วจิ้มในการถอนเงิน โอนเงิน ขายหุ้น เก็งกำไร ความปั่นป่วนต่างๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย กระเทือนเป็นลูกโซ่ เป็นทอดๆ รวมถึงประเทศไทย แต่ด้วยพื้นฐานของไทยเราที่ดีพอ เราน่าจะผ่านไปได้ . แต่อย่างที่ #เสี่ยวCREW บอกไปเมื่อวันก่อนในเรื่อง Bank Run อ่ะครับ มันไม่ใช่แค่ธนาคารเจ๊งมีคนอุ้มแล้วจบ ธนาคารเหล่านี้ระดมเงิน ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ไว้มากมาย มหาศาล เกินกว่าจะจินตนาการได้ แถมยังกระจายขายไปถึงดาวนาเม็กโน่นนนน ถ้าแบงก์ล้ม ฐานะง่อนแง่น สภาพของเหล่านั้นมันก็จะเป็นไปตามสภาพแบงก์นั่นล่ะครับ

4 views0 comments
bottom of page