เปิดโผ TOP20 หุ้นฮิตปี 66 #ตลาดหุ้นอยู่ได้เพราะมีวอลุ่ม #ส่วนเราอยู่ได้เพราะมีกันและกัน ความยุ่งเหยิง ย้อนแย้ง ทางการเมือง ที่สะท้อนผ่านเล่ห์เหลี่ยมของคนเหลาะแหละ โลเล และพร้อมจะปลิ้นปล้อนได้ตลอด เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจแบบไม่สนความถูกต้องใดๆ ทั้งสิ้น . สร้างแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญ ต่อภาพรวมการลงทุน เพราะเลือกตั้งผ่านมาแล้วเกือบ 3 เดือน แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มัวแต่เสียเวลากับการหาช่องสกัดพรรคที่ประชาชนเลือกมาเป็นอันดับ 1 แบบอิหยังวะ ที่สำคัญ..ยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไร . ผลกระทบที่เกิดกับการลงทุน คือ ตลาดหุ้นไทยมีอาการเหมือนคนแฮงค์ เคลื่อนไหว งึกๆ งักๆ อารมณ์ผันผวน บทจะขึ้นก็ขึ้นแรงแบบวันละ 10-30 จุด พอจะลงก็ทิ้งตัวแบบไม่รักษาทรง แรงซื้อแรงขายจากนักลงทุนทุกกลุ่มวาไรตี้มาก เพราะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะต่างชาติ ตั้งแต่ต้นปีขายสุทธิไป 1.2 แสนล้านบาทแล้ว . สภาพตลาดหุ้นไทย ณ 2 ส.ค.66 ผ่านไป 7 เดือน ปิดที่ 1,550.28 จุด ลดลง 118.38 จุด หรือ -7.09% โดยเคยลงไปต่ำสุดที่ 1,461.61 จุด และขึ้นไปสูงสุดที่ 1,695.99 จุด ต่างจากช่วงนี้เมื่อปีก่อนที่ ดัชนีปิดที่ดัชนีอยู่ระดับ 1,589.16 จุด ซึ่งขึ้นไปสูงสุดถึง 1,718.55 จุด ลงต่ำสุดที่ 1,517.51 จุด . ด้านมูลค่าการซื้อขายจัดว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะหายไปอย่างมีนัยสำคัญ จากต้นปีถึง 2 ส.ค.66 (YTD) ของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อยู่ที่เฉลี่ย 5.4 หมื่นล้านบาท/วัน ลดลงถึง 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่เฉลี่ย 7.7 หมื่นล้านบาท/วัน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อยู่ที่เฉลี่ย 2.7 พันล้านบาท/วัน ลดลงระดับ 58% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่เฉลี่ย 6.5 พันล้านบาท/วัน . สำหรับหุ้น TOP20 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยสูงสุดจนถึงวันนี้ ฝั่ง SET ยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี SET100 มูลค่าซื้อขายอยู่ที่เฉลี่ย 552 - 2,446 ล้านบาท/วัน กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ . ฟากหุ้นใน mai กลุ่ม TOP20 มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 27 - 109 ล้านบาท/วัน กลุ่มเทคโนโลยี, บริการ และสินค้าอุตสาหกรรมติดโผสูงสุด . อย่างไรก็ดีหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดใช่ว่าจะบวกเสมอไป เพราะจากข้อมูลที่หามากลุ่ม TOP20 ทั้ง SET และ mai ส่วนใหญ่ราคาหุ้น YTD อยู่ในแดนลบ ลงต่ำสุดระดับ 90% เลยทีเดียว มีเพียง 15 จาก 40 หุ้นที่ราคายืนในแดนบวกได้ . สะท้อนว่า หุ้นที่วอลุ่มสูงจะเป็นแรงขายมากกว่าแรงซื้อ ซึ่งอาจจะเกิดจากเหตุผลเฉพาะตัว ทั้งพื้นฐานธุรกิจที่มีปัจจัยลบกดดันและอื่นๆ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า "ถ้าการเมืองดี" อะไรๆ คงจะดีกว่านี้แน่ๆ ...
